‘ออมสิน’ร่วมทุน‘ศรีสวัสดิ์’ รุกธุรกิจจำนำทะเบียนรถดอกเบี้ยไม่เกิน18%
บอร์ดออมสิน อนุมัติเข้าถือหุ้น บริษัทย่อยSAWAD 49% มูลค่า 1.5 พันล้าน รุกธุรกิจจำนำทะเบียนรถ โบรกชี้ หนุนกำไรSAWADเพิ่มขึ้น3-5%-พอร์ตสินเชื่อโต
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการธนาคารที่มีนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากรเป็นประธานวานนี้(17พ.ย.)ว่า ที่ประชุมอนุมัติให้ธนาคารประกอบธุรกิจจำนำทะเบียน โดยการเข้าร่วมลงทุน กับบริษัทย่อยของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 49% วงเงิน 1.5 พันล้านบาท
สำหรับการเข้าไปถือหุ้นดังกล่าว จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขหลัก คือ 1.ต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 18% ต่อปี 2.ต้องปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์วงเงินไม่เกิน 2 แสนบาทต่อราย เขากล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการทำธุรกิจดังกล่าว คือ เพื่อช่วยลดอัตราดอกเบี้ยในธุรกิจนี้ที่อยู่ในระดับสูงให้ลดลงอยู่ที่18% จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 24%
ทั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินธุรกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ของธนาคารที่ต้องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดให้ลดลงสอดคล้องกับคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้ธนาคารช่วยเหลือประชาชน เขากล่าวด้วยว่า กระบวนการคัดเลือกผู้ร่วมทุนนั้น เป็นไปอย่างโปร่งใส โดยมีที่ปรึกษาการเงินช่วยพิจารณาคุณสมบัติและขออนุมัติบอร์ดทุกระยะ
ทั้งนี้ ธุรกิจจำนำทะเบียนในตลาดที่มี 44 ราย เราได้คัดเลือก 24 ราย เพื่อส่งหนังสือเชิญและให้ยื่นข้อเสนอมายังธนาคาร โดยมี 8 รายที่ยื่นข้อเสนอมา จากนั้น ธนาคารได้คัดเลือกเหลือ 2 ราย เพื่อนำไปวิเคราะห์ และเลือก 1 รายเสนอบอร์ดอนุมัติหลักการเมื่อเดือนต.ค.ที่่ผ่านมา จากนั้น บอร์ดได้ให้ที่ปรึกษาทางการเงินตรวจสอบรายละเอียดและเสนอกลับให้บอร์ดอนุมัติในวันนี้ สำหรับแผนร่วมธุรกิจนั้น จะแถลงรายละเอียดให้ทราบในวันที่ 18 พ.ย.นี้
แหล่งข่าวกล่าวว่า บริษัทที่ออมสิน จะร่วมทุนด้วยนั้นเป็น บริษัทลูกของ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ SAWAD
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการสอบถามข้อมูลไปยังนางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือSAWAD ถึงกรณีการร่วมลงทุนของธนาคารออมสินในการทำธุรกิจจำนำทะเบียนรถยนต์ โดยนางสาวธิดา ไม่ได้ปฏิเสธ และตอบรับ เพียง บอกว่าให้รอนายวิทัยแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ดีกว่า
“อยากให้รอทางคุณวิทัย ให้ข่าวในวันพรุ่งนี้ดีกว่า เดี๋ยวยังไงค่อยว่ากัน”
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก