กลับขึ้นมาเข้าใกล้จุดสูงสุดในรอบ 3 ปีกว่า ด้วยวอลุ่มหนาแน่น สำหรับ CPF หรือ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร กับการเป็นหนึ่งในหุ้นที่นักวิเคราะห์คาดจะรายงานผลดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 โดดเด่น พร้อมกับระยะสั้นมีมุมมองเชิงเทคนิคหนุน

หุ้น CPF ยังเป็น 1 ใน 14 หุ้นที่เข้าเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ในกลุ่ม Emerging Markets รอบล่าสุดเป็นปีที่สอง ซึ่งทางบริษัทฯ ตั้งเป้าในอีก 1-2 ปีข้างหน้า (ปี 2560-2561) จะเข้าไปอยู่ใน DJSI กลุ่ม World Index
“เคจีไอ” ให้เป้าพื้นฐาน CPF ที่ 42 บาท ชูเป็นหุ้นส่งออกที่งบครึ่งปีหลังจะดี นักวิเคราะห์คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ได้อานิสงส์ราคาหมู และไก่ เพิ่มขึ้นแรง ขณะราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง
ด้าน “ยูโอบี เคย์เฮียน” ให้ราคาพื้นฐาน CPF 37.00 บาท นักวิเคราะห์คาดผลประกอบการจะสูงที่สุดในช่วงไตรมาส 3 เนื่องจากราคาไก่ที่อยู่ในระดับสูงจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากการนำเข้าไก่จากญี่ปุ่น และผลกระทบของการห้ามนำเข้าไก่ปู่ย่าพันธุ์จากสหรัฐตั้งแต่ต้นปี 2558 จากโรคระบาดไข้หวัดนก นอกจากนี้ ยังได้อานิสงส์จากธุรกิจกุ้งที่เริ่มฟื้น และราคาอาหารสัตว์ที่คงที่
ด้าน “บัวหลวง” นักวิเคราะห์มองภาพรวมกลุ่มอาหาร ระบุว่า "มีความเชื่อมั่นในการกลับมาของธุรกิจกุ้งมากที่สุด ซึ่งจะเริ่มเห็นตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้ ไปจนถึงปีหน้า จากผลผลิตที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง อุปสงค์ในภาคการส่งออก และราคาที่ยังยืนอยู่ในระดับสูง ซึ่งหมายความว่าผู้ประกอบการที่ทำครบวงจรอย่าง CPF จะได้ประโยชน์มากที่สุด "
ส่วนธุรกิจหมู พบอุปทานยังคงตึงตัวและอุปสงค์ส่วนเกินในภูมิภาคที่ยังคงมีอยู่ ซึ่งคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงกลางปี 2560
สำหรับไก่ นักวิเคราะห์มองว่าปัญหาขาดแคลนปู่ย่าพันธุ์จะยังส่งผลกระทบไปจนถึงครึ่งแรกของปี 2560
โดยรวม นักวิเคราะห์ “บัวหลวง” ยังชอบ CPF ที่สุดจากพอร์ตผลิตภัณฑ์ในมือที่มีความหลากหลาย คือ ได้ประโยชน์ทั้งกุ้ง,หมู และไก่
หากย้อนไปดูผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ข้อมูลจากบทวิเคราะห์ “บัวหลวง” เมื่อเดือนที่แล้ว ระบุว่ากำไรหลักของ CPF ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 4.88 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 1,731% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 64% จากไตรมาสก่อนหน้า

กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากปีก่อน เนื่องจากผลขาดทุนของธุรกิจกุ้งไทยที่ลดลง และผลประกอบการของธุรกิจต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก ซึ่งได้แก่ ตุรกี รัสเซีย อินเดีย มาเลเซีย ลาว กัมพูชา และซีพีพี
นอกจากนี้ ยังมาจากกำไรจากธุรกิจหมูที่เพิ่มขึ้น การควบรวมกิจการของ S&W (ไก่ครบวงจรในรัสเซีย) ที่เข้ามาตั้งแต่เดือนธ.ค. 2558 รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจาก CPALL ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด และการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหารที่ดีขึ้น
สำหรับในส่วนของธุรกิจกุ้งไทย มีกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ที่ 305 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2558 ที่ 758 ล้านบาท เนื่องจากผลผลิตกุ้งสำหรับทั้งอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ภายหลังเกษตรกรผู้เลี้ยงมีความมั่นใจมากขึ้น รวมถึงอัตราการรอดตายจากโรคอีเอ็มเอสที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ธุรกิจในประเทศตุรกีรายงานผลขาดทุนสุทธิที่ลดลง ธุรกิจในรัสเซีย ลาว และกัมพูชารายงานกำไรเติบโตแบบก้าวกระโดด ตามราคาหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ธุรกิจอินเดียมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ตามราคาไก่ที่ปรับตัวขึ้น
ที่มา: Moneychannel