ห้องเม่าปีกเหล็ก

NER-STA หุ้นสุดฮอต เมื่อราคายางพาราพุ่ง!

โดย อีกฝั่งของพระจันทร์
เผยแพร่ :
371 views

NER-STA หุ้นสุดฮอต

เมื่อราคายางพาราพุ่ง!

.

ราคายางแท่งในตลาดโลกยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามการเก็งโอกาสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และความกังวลจากภัยแล้ง ซึ่งเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มยางพาราอย่าง STA, NER, TEGH แต่ปัจจัยบวกนี้จะผลมากแค่ไหน และนักวิเคราะห์มีมุมมองต่อผลประกอบการของแต่ละหุ้นอย่างไร วันนี้ Wealthy Thai รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว

.

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่า ราคายางแท่งอิงตลาด SICOM ปัจจุบันอยู่ที่ 150 เซนต์ต่อกก. ปรับขึ้น 5% จากเดือนก่อนหน้า และ 7% จากช่วงต้นเดือนต.ค. 66 ใกล้จะทำระดับสูงสุดในรอบปี สะท้อนการเก็งโอกาสในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน การปรับขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ และความกังวลด้านปริมาณผลผลิตที่อาจลดลงจากผลกระทบของภัยแล้ง

.

โดยราคายางแท่งในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นจะเป็นผลบวกต่อแนวโน้มราคาขายเฉลี่ยของกลุ่มยางพาราอย่าง STA, NER, TEGH ในไตรมาส 4/66 เป็นต้นไป (ราคาขายเฉลี่ยปกติจะมี Lag time จากราคายางในตลาด SICOM ราว 2-3 เดือน) ขณะที่ระยะสั้นในไตรมาส 3/66 แนวโน้มผลประกอบการค่อนข้างอ่อนแอ คาดกำไรของกลุ่มยางจะชะลอลงทั้งจากไตรมาส 2/66 และไตรมาส 3/65 จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง

.

ในเชิงพื้นฐานเราคงคำแนะนำ ซื้อ NER ราคาเป้าหมาย 6.20 บาท และยังอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการสำหรับ STA และ TEGH แต่เชิงกลยุทธ์แนะนำ เก็งกำไร หุ้นในกลุ่มยางพาราตามราคาทิศทางราคายางแท่งในตลาด SICOM ที่ปรับขึ้น โดยหากผ่านระดับ 150 เซนต์ต่อกก. ได้จะเป็นบวกทางปัจจัยเทคนิค

.

สำหรับปัจจัยพื้นฐานของ NER นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่า คาดกำไรไตรมาส 3/66 ที่ 320 –350 ล้านบาท ลดลงทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า จากราคายางที่ปรับตัวลง ด้านราคายางที่ปรับตัวขึ้นเร็วในช่วงเดือนก.ย. และคาดว่าจะทรงตัวสูงต่อเนื่องในไตรมาส 4/66

.

ขณะที่ต้นทุนการผลิตยังมีสต๊อกเก่าและค่าไฟที่ลดลง จะช่วยหนุนกำไรไตรมาส 4/66 ให้เติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้าได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส

.

อีกทั้งไตรมาส 1/67 มีลุ้นที่กำไรจะกลับไประดับมากกว่า 600 ล้านบาทได้ โดยคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.20 บาท คาดปันผลที่เหลือของปีอีก 0.29 บาท ให้ผลตอบแทน 6.2%

.

ส่วน STA นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า คาดไตรมาส 3/66 อาจเห็นขาดทุนสุทธิ 70 ล้านบาท ลดลง 106.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 163.5% จากไตรมาสก่อนหน้า จากปริมาณการขายยางที่อ่อนตัว

.

ด้านราคายางที่ปรับตัวขึ้นมาในปัจจุบันจะทำให้ราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส 4/66 ดีขึ้น โดยประเมินปี 67 บริษัทจะจัดการกับวัตถุดิบได้ดีขึ้น

.

ส่วนอุตสาหกรรมผู้ผลิตยางแท่งยังมีการเพิ่มกำลังผลิตอยู่ และคาดว่าปริมาณวัตถุดิบจะลดลงจากภาวะเอลนีโญ รวมถึงยังคงมีการแข่งกันราคาวัตถุดิบยางในประเทศไปจนถึงปีหน้า ด้านอุปทานคาดเริ่มกลับมาตั้งแต่ต้นปีจากฝั่ง non-china จึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐานปี 67 ที่ 20.90 บาท

 

 


อีกฝั่งของพระจันทร์