ห้องเม่าปีกเหล็ก

ข้อคิดดีๆจาก อจ. Aswath Damodaran ในเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยและราคาหุ้น

โดย คนเล่นหุ้น
เผยแพร่ :
51 views

ข้อคิดดีๆจาก อจ. Aswath Damodaran ในเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยและราคาหุ้น

ขอบคุณที่มา : https://www.facebook.com/investmentnotes/photos/a.113845130700776/161365409282081/

 

** อย่าลืมกด like กด Share เป็นกำลังใจให้เจ้าของเพจด้วยนะครับ ^^

===================================================

พอดีวันนี้เห็นโพสของ Konkaikong Konkaikong แนะนำให้ไปดูวิดิโอของ อจ. Aswath Damodaran พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยและราคาหุ้น และรู้สึกได้ข้อคิดดีๆหลายๆอย่างเลยอยากมาสรุปให้เพื่อนๆพี่ๆนักลงทุนได้ฟังกันค่ะ
สิ่งที่ดีมากๆที่อจ. Aswath พูดถึง คือ เราต้องมองลึกเข้าไปว่า การขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนั้นเกิดจากอะไร เราถึงจะเข้าใจได้ว่ามันจะส่งผลกระทบต่อ valuation ของหุ้นที่เราลงทุนมากน้อยขนาดไหน

ซึ่งอจ. Aswath บอกว่า การขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ discount rate สูงขึ้นก็จริง แต่เราต้องดูว่า การขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนั้น เกิดจาก
(1) การเติบโตของเศรษฐกิจที่เร็วกว่าที่คาดไว้
หรือ (2) การเติบโตของเงินเฟ้อ ซึ่ง 2 factors นี้จะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไม่เหมือนกัน....

===================================================

(1) การเติบโตของเศรษฐกิจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
ถ้าการขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนั้นเกิดจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ราคาหุ้นจะสามารถขึ้นต่อหรือยืนอยู่ได้เพราะ การเติบโตของเศรษฐกิจจะทำให้บริษัทมีรายได้และกระแสเงินสดที่มากขึ้น (จาก operating margins ที่สูงขึ้น) ซึ่งถึงแม้ดอกเบี้ยจะสูงขึ้น แต่กำไรและกระแสเงินสดที่มากขึ้นจะสามารถ offset กับดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้

(2) การเติบโตของเงินเฟ้อส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
ถ้าเป็นเงินเฟ้อที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น มันจะส่งผลลบต่อตลาดหุ้น เพราะ นักลงทุนจะต้องการ risk premium ที่สูงขึ้น (ซึ่งเกิดจาก volatility ที่มากขึ้น) และการขึ้นของเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของรายได้และกระแสเงินสดของบริษัท ซึ่งถ้าบริษัทไม่สามารถขึ้นราคาสินค้าได้ ก็จะทำให้กำไรลดลง ซึ่งจะทำให้ valuation ของบริษัทลดน้อยลง

===================================================

และอจ. Aswath ก็ได้พูดถึงผลกระทบที่เงินเฟ้อจะมีต่อ หุ้น growth vs. value ด้วย...
อจ. Aswath เล่าว่า บริษัท high growth จะมีกระแสเงินสดติดลบในช่วงแรก แต่พอบริษัทเริ่มโต กระแสเงินสดจะเริ่มเป็นบวก และนี่ก็หมายความว่า valuation ของบริษัทเติบโตมักจะมาจาก growth assets (กระแสเงินสดในอนาคต) ส่วนบริษัทที่ mature แล้วมักจะถูกประเมินมูลค่าจาก assets ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน

สิ่งที่ อจ. Aswath อยากจะสื่อก็คือการขึ้นของอัตราดอกเบี้ย (และการคาดการณ์ของเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้น) จึงมีผลกระทบทางลบกับ valuation ของบริษัทเติบโตมากกว่ากลุ่ม value...
ซึ่งในปี 2021 เราก็ได้เห็นการปรับฐานของหุ้นเติบโตหรือหุ้นเทคในขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานและการเงินได้รับผลตอนแทนที่ดีมากทีเดียว นั่นเป็นเพราะการเติบโตของเศรษฐกิจที่สูงขึ้นจากปี 2020 แต่ อจ.Aswath ก็เตือนว่า ในปี 2021 สิ่งสำคัญคือการจับตามองอัตราการเติบโตของเงินเฟ้อว่าจะไปทิศทางไหน เพราะนั่นจะมีผลกระทบต่อ valuation ของหุ้นแน่นอนค่ะ

 

ป.ล พอดีฟัง In the Know with Cathie Wood ของเดือนพฤษาจบพอดี เลยอยากแถมให้ว่า Cathie คิดยังไงกับเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งก็เหมือนเดิม คือ Cathie ยังคิดว่า อุตสาหกรรมที่ Ark ลงทุนนั้นจะทำให้เกิด deflation forces ในเศรษฐกิจในอีก 3-5 ปีข้างหน้าเพราะ Wright’s Law (เช่นใน DNA sequencing เมื่อการผลิตสะสมเพิ่มขึ้นเท่าตัว ต้นทุนของ short-read DNA sequencing จะลดลง 40%) แต่ Cathie คิดว่า ราคาในตลาด commodities จะปรับฐานปลายปี/ต้นปีหน้า เพราะการที่เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเป็นปกติมากขึ้น หลายๆคนจะเริ่มใช้จ่ายมากขึ้นกับภาคบริการ และการที่บริษัทหลายๆแห่งตุนสินค้ากันในปีนี้ (เพราะกลัวมีของไม่พอ) จะทำให้ commodities sector ถูกปรับฐานในที่สุดเมื่อการกลับมาของธุรกิจเข้าสู่ภาวะปกติค่ะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ต้องดูกันต่อไปค่ะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในปี 2021....

 May be an image of 1 person and text

หากเห็นว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ ฝากกดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจให้พิณด้วยนะคะ
ข้อมูลจาก Aswath Damodaran Youtube Channel และ Ark’s May Market Update Webinar
ไว้อาทิตย์หน้าจะมาเล่าเรื่องการลงทุนต่อนะคะ

#สมุดโน๊ตลงทุน
23/05/2021


คนเล่นหุ้น