ห้องเม่าปีกเหล็ก

คัด 3 หุ้นธนาคาร แหล่งพักเงินชั้นดี

โดย พายุ
เผยแพร่ :
134 views

คัด 3 หุ้นธนาคาร แหล่งพักเงินชั้นดี

เป้าหมายต่างชาติ แถมแจกปันผลสูง

.

ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนและยังมีปัจจัยกดดดันจากภายในและภายนอกประเทศแบบนี้ การหาหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เพื่อพักเงินลงทุนอาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งหุ้นกลุ่มธนาคารนับเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมูลค่าหุ้นอยู่ในโซนต่ำ อีกทั้งยังได้รับผลบวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นเป้าหมายกลุ่มแรกๆ ของนักลงทุนต่างชาติอีกด้วย

.

โดยบริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หุ้นกลุ่มธนาคารอย่าง BBL KKP และ SCB เป็นแหล่งพักเงินที่ดีจาก 1. Valuation ไม่แพง P/E ปี 2566 ตํ่ากว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ก่อนเกิดโควิด-19 ขณะที่กําไรฟื้นตัวได้ดีหลังเกิดการระบาด, 2. ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นที่ทรงตัวสูงนาน ซึ่งจะเป็นตัวหนุนให้ NIM เร่งตัว รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจะเป็นปัจจัยหนุนให้กําไรโตดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะ BBL ที่มีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อในต่างประเทศมากกว่าธนาคารอื่น ทําให้ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นมากที่สุด

.

3.มีเบาะรองรับจากอัตราปันผลต่อปีที่อยู่ในระดับสูง โดย BBL อยู่ที่ระดับ 3.9%, KKP อยู่ที่ระดับ 6.4% และ SCB อยู่ที่ระดับ 3.8% และ 4. ฝ่ายวิเคราะห์มองว่ากลุ่มธนาคารเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติในการพักเงินเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาพบ Fund Flow ไหลเข้ากลุ่มธนาคารเพิ่มอย่าง SCB KTB TTB และ BBL

.

สำหรับแนวโน้มการเติบโตของหุ้นธนาคารทั้ง 3 ตัวอย่าง BBL, KKP และ SCB นั้น Wealthy Thai ได้รวบรวมมาให้แล้ว โดยเริ่มที่ BBL หรือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งนักวิเคราะห์จากบริษัท หลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า คาด BBL จะรายงานกำไรไตรมาส 2/66 และปี 2566 เติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มธนาคาร

.

โดยคาดการณ์เบื้องต้นกำไรไตรมาส 2/66 จะเติบโต 55% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่สูงขึ้น และเติบโต 7% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามการตั้งสำรองที่ลดลง และ NII ที่เพิ่มขึ้น

.

ขณะที่ปี 2566 คาดว่ากำไรจะอยู่ที่ 43,934 ล้านบาท เติบโต 50% จากปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากอัตราส่วนหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญและขาดทุนจากการด้อยค่าต่อเงินให้สินเชื่อรวม (Credit Cost) ที่ลดลง 14 bps การเติบโตของสินเชื่อที่ 5% NIM ที่ปรับตัวดีขึ้น 44 bps รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) อยู่ในระดับทรงตัว และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง ให้คำแนะนำ Outperform Market และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 197 บาท

.

ส่วน KKP หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 จะปรับตัวขึ้นทั้งจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อย หนุนจากการขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่, รถยนต์มือสองและสินเชื่อบ้านที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ช่วยชดเชยผลกระทบจาก NIM ที่ลดต่ำลง

.

ขณะที่ในแง่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ ทำให้คาดว่าการตั้งสำรองในไตรมาส 2/66 จะทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 1/66 ส่วนผลขาดทุนรถยึดคาดจะเริ่มผ่อนคลายลง สอดรับกับราคารถมือสองที่ฟื้นตัว อีกทั้งบริษัทได้เร่งระบายรถยึดไปมากแล้วในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา หนุนให้ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคาดว่า KKP จะมีกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 9,322 ล้านบาท โต 12.2% จากปีก่อน คงคำแนะนำ ซื้อ มูลค่าพื้นฐาน 85 บาท

.

ปิดท้ายกันที่ SCB หรือ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นทั้งจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า

.

ทั้งนี้หนุนจากการทยอยปรับลดค่าใช้จ่ายตั้งสำรอง หลังผ่านการตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสียหายจากลูกหนี้รายใหญ่ที่เกิดปัญหาแล้ว ขณะที่ลูกหนี้ภายใต้มาตรการช่วยเหลือเริ่มมีสัญญาณการชำระหนี้ดีขึ้น เนื่องจากราว 1 ใน 3 ของลูกหนี้ดังกล่าวอยู่ในธุรกิจบริการ (ร้านอาหารและโรงแรม) ที่ฟื้นตัวได้ดีตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยมากขึ้น

.

ส่วนแนวโน้ม NIM จะขยับขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่เหลือของปี หนุนจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ และการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อในกลุ่ม Consumer Finance ที่ให้ผลตอบแทนสูง ขณะที่ครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนจะ Refinance ตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์มูลค่าราว 1.2 พันล้านดอลลาร์ ที่เคยเสนอขายในช่วงปรับโครงสร้างธุรกิจมาเป็นตราสารหนี้สกุลเงินบาทที่มีต้นทุนดอกเบี้ยต่ำลง หนุนให้ทั้งปี 2566 คาด SCB จะมีกำไรสุทธิ 47,528 ล้านบาท โต 26.6% จากปีก่อน

.

ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์มอง SCB มีความน่าสนใจจากความสามารถในการบริหารจัดการหนี้กลุ่มเสี่ยงที่ดี และแนวโน้มธุรกิจที่จะเร่งตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ตามการขยายพอร์ตของธุรกิจ Consumer Finance จึงคงคำแนะนำ ซื้อ มูลค่าพื้นฐานที่ 144 บาท

 

 


พายุ