ห้องเม่าปีกเหล็ก

ศึกนี้อีกนานชิงสายสีส้มแสนล้าน ยื่นซอง 9 พ.ย. “BTS-BEM” สู้ยิบตา

โดย 98 Degree
เผยแพร่ :
63 views

ศึกนี้อีกนานชิงสายสีส้มแสนล้าน ยื่นซอง 9 พ.ย. “BTS-BEM” สู้ยิบตา

9 พ.ย.ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.28 แสนล้าน BTS ควงซิโน-ไทยฯ-ราชกรุ๊ป แข่ง BEM-ช.การช่าง-อิตาเลียนไทยฯ ไร้เงากัลฟ์ “คีรี” ลั่นสู้ยิบตา รฟม.ยื่น 4 ซองเกณฑ์เดิม ยื่นอุทธรณ์จ่อใช้เกณฑ์ใหม่รวบเทคนิค-ราคาพิจารณาร่วม ลุ้นศาลตัดสินก่อนเปิดข้อเสนอ สำนักงบฯเชียร์ใช้เกณฑ์ราคาชี้ขาด

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า วันที่ 9 พ.ย.นี้ รฟม.จะเปิดยื่นซองประมูล PPP net cost 30 ปี โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม บางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 142,789 ล้านบาท โดยยื่น 4 ซองตามเกณฑ์เดิม ได้แก่ คุณสมบัติ เทคนิค การลงทุน ผลตอบแทน และข้อเสนออื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อโครงการ

รฟม.ขอใช้เกณฑ์ใหม่

หลังศาลปกครองมีคำสั่งทุเลา เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2563 กรณี บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ยื่นฟ้องต่อศาลคุ้มครองชั่วคราวให้ รฟม.กลับมาใช้เกณฑ์เดิมพิจารณาผลประมูล หลังจาก รฟม.แจ้งเปลี่ยนเกณฑ์ใหม่ที่แก้ไขเพิ่มเติม จากเดิมพิจารณาทีละซอง หลังเปิดซองคุณสมบัติแล้ว จะเปิดข้อเสนอเทคนิคและการเงินควบคู่กัน และนำคะแนนเทคนิค 30% พิจารณาร่วมกับการเงินอีก 70% ซึ่งในจำนวนนี้จะมีคะแนนความสมเหตุสมผลของราคาอีก 10% ซึ่งผู้ชนะคือผู้ที่ให้ผลประโยชน์รัฐดีที่สุด

เกณฑ์พิจารณาด้านเทคนิค 30% เช่น การก่อสร้าง บริหารจัดการจราจร ผลกระทบจากงานก่อสร้างพื้นที่โดยรอบ เพราะแนวพาดผ่านเกาะรัตนโกสินทร์เป็นพื้นที่อ่อนไหว เป็นการสร้างอุโมงค์ตลอดสายขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 5 เมตร ด้านการเงิน 70% อาทิ วงเงินให้รัฐสนับสนุนไม่เกินค่างานโยธา 96,012 ล้านบาท รัฐชำระคืนพร้อมดอกเบี้ย 7 ปี นับจากเริ่มสร้าง

2 ปี ผลตอบแทนที่ให้รัฐ 30 ปี

“การปรับเกณฑ์ใหม่อยู่ในช่วงเวลาเตรียมให้เอกชนยื่นซอง สามารถทำได้ รฟม.ทำตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย รวมถึงคณะกรรมการมาตรา 36 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่รัฐจะได้รับจากผู้ร่วมลงทุนที่มีศักยภาพด้านเทคนิคสร้างรถไฟฟ้า ได้มาตรฐานและความปลอดภัยสูงที่สุดต่อประชาชนที่ใช้บริการ” นายภคพงศ์กล่าวและว่า

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2563 รฟม.และคณะกรรมการตามมาตรา 36 ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งทุเลาของศาลปกครองกลางที่ให้คุ้มครอง BTSC ขณะนี้รอฟังความตัดสินจากศาลจะรับอุทธรณ์หรือไม่ และใช้เวลาพิจารณานานแค่ไหน คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน

“ยังระบุไม่ได้ว่า เมื่อเปิดซองคุณสมบัติ 23 พ.ย.นี้ จะใช้เกณฑ์เก่าหรือใหม่ พิจารณาซองเทคนิคและการเงิน แต่ไม่ว่าผลจะออกมาแบบใด รฟม.พร้อมปฏิบัติตาม”

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการมาตรา 36 กล่าวว่า ที่ประชุมวันที่ 4 พ.ย.ให้ รฟม.ประมูลตามเกณฑ์เดิม ตามแผนเมื่อเปิดซองคุณสมบัติวันที่ 23 พ.ย. จะประกาศผลผู้ผ่านพิจารณา 1 สัปดาห์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าว ศาลน่าจะมีคำตัดสินออกมาแล้ว จะใช้เกณฑ์เก่าหรือใหม่ตัดสินผู้ชนะ และทราบผลผู้ชนะเดือน ธ.ค. 2563-ม.ค. 2564

“ที่เป็นปัญหาคือซองเทคนิคและการเงิน จะเปิดพิจารณาทีละซอง โดยใช้ราคาเป็นตัวตัดสินหรือเปิดพร้อมกัน รอผลจากศาล”

2 กลุ่มแข่งเดือด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกชน 10 ราย ซื้อซองประมูล ได้แก่ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (BEM) บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ บมจ.ราช กรุ๊ป บมจ.ช.การช่าง บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ บจ.ซิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด และ บจ.วรนิทัศน์ ดีเวลอปเมนท์

แหล่งข่าวจากวงการรับเหมาก่อสร้างกล่าวว่า คาดมี 2 กลุ่มยื่นประมูล คือ กลุ่ม BTS ร่วมกับพันธมิตรเดิมที่ลงทุนสายสีชมพูและสีเหลือง ได้แก่ ซิโน-ไทยฯ ราชกรุ๊ป จากเดิมจะมีกัลฟ์ฯด้วย เพราะร่วมกับบีทีเอสได้งานระบบจัดเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช และบางใหญ่-กาญจนบุรี แต่ล่าสุดอาจจะถอนตัว เพราะรถไฟฟ้าไม่ใช่ธุรกิจที่อยู่ในความสนใจมากนัก อีกรายคือ กลุ่ม BEM จะร่วมกับ ช.การช่าง และอาจจะมีอิตาเลียนไทยฯด้วย

“การแข่งขันดุเดือดเพราะใหญ่ทั้งคู่ จุดชี้ชะตาอยู่ที่เกณฑ์พิจารณาจะเป็นใช้ราคาเป็นตัวตัดสินตามเดิม ทาง BTS จะได้เปรียบ หรือจะใช้เทคนิคมาเป็นร่วมด้วยตามเกณฑ์ใหม่ หากใช้เกณฑ์นี้ BEM และ ช.การช่าง จะได้เปรียบเช่นกัน แต่ต้องรอดู รฟม.จะยกเลิกประมูลหรือไม่ หากศาลไม่รับอุทธรณ์”

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานบริหาร บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า กลุ่มบีทีเอสและพันธมิตร ได้แก่ บีทีเอสซี ซิโน-ไทยฯ และราชกรุ๊ป เข้ายื่นซองประมูลสายสีส้มแน่นอน และสู้เต็มที่ บริษัทคาดหวังจะเป็นผู้ชนะ เพราะเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญในการเชื่อมกับระบบรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นในสนามแข่งขัน

“ต้นทุนผมคือแค่แพ้ แต่ขอให้รัฐทำให้ถูกต้องตามกฎกติกา”

ก่อนหน้านี้ นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ BEM กล่าวว่า จะร่วมกับ ช.การช่างประมูลสายสีส้ม และมีความมั่นใจ เพราะมีประสบการณ์สร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน รู้ต้นทุนดี เป็นข้อได้เปรียบคู่แข่ง ซึ่งพร้อมทั้งแหล่งเงินทุนและพันธมิตรด้านซัพพลายเออร์”เป็นโครงการใหญ่ในปีนี้ ต้องสู้กันเต็มที่ ใครบริหารต้นทุนการเงินดี มีโอกาสชนะสูง”

แหล่งข่าวจากสำนักงบประมาณกล่าวว่า สำนักงบประมาณยังยืนยันให้ รฟม.ใช้เกณฑ์เดิมพิจารณาผู้ชนะ เปิดทีละซอง ยึดการเงินเป็นหลัก เพราะดูแล้วเทคนิคไม่น่าจะต่างกันมาก จะได้ประหยัดงบฯรัฐบาล เพราะต้องจ่ายค่าก่อสร้างพร้อมดอกเบี้ยคืนเอกชน ซึ่งโครงการนี้จะมีภาระดอกเบี้ยเงินกู้ 40,000 ล้านบาท

เปิดเกณฑ์พิจารณาฉบับเก่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายละเอียดทีโออาร์การพิจารณาตามเกณฑ์เดิม เมื่อเปิดซองคุณสมบัติ จะเปิดซองเทคนิค ผู้ผ่านการพิจารณาจะต้องได้คะแนนการประเมินรวมไม่น้อยกว่า 85% ถึงจะเปิดซองข้อเสนอการเงิน จะแสดงรายละเอียดบัญชีปริมาณงานของงานโยธา ระบบ งานเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา แผนธุรกิจและการเงิน การระดมทุน การใช้จ่าย บริหารความเสี่ยง และผลตอบแทนที่จะให้ รฟม. หรือเงินสนับสนุนจะขอรับ เมื่อผู้ผ่านประเมินซองเทคนิคและ รฟม.ตรวจสอบแล้วซองการเงินน่าเชื่อถือตามเงื่อนไข ถึงจะประเมินข้อเสนอการเงิน โดยผู้ให้ประโยชน์รัฐสูงสุดจะเป็นผู้ชนะ โดยจะยึดถือเงินสนับสนุนที่ผู้ยื่นข้อเสนอระบุในซองที่ 3 เป็นสำคัญ

และจะถือว่าจำนวนดังกล่าวได้ประเมินปริมาณงานโยธา งานระบบ การให้บริการการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา รวมถึงมูลค่าลงทุนและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการดำเนินการตลอดระยะเวลาสัญญา อย่างถี่ถ้วนครบทุกมิติแล้ว

กรณีที่มีผู้ยื่นข้อเสนอเท่ากัน จะนำคะแนนเทคนิคมาเปรียบเทียบจัดลำดับหาผู้ชนะ ส่วนข้อเสนอซองที่ 4 รฟม.สงวนสิทธิ์จะพิจารณาหรือไม่ก็ได้

ศูนย์วัฒนฯ-มีนบุรีสร้างคืบ 70%

สายสีส้มเป็นโครงการ PPP net cost ก่อสร้างช่วงตะวันตก “บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ” ติดตั้งจัดหาระบบรถไฟฟ้า และรับสัมปทานเดินรถตลอดสายจากมีนบุรี-บางขุนนนท์ 35.9 กม. ระยะเวลา 30 ปี วงเงิน 128,128 ล้านบาท รัฐจ่ายค่าเวนคืน 14,611 ล้านบาท อยู่ระหว่างออก พ.ร.ฎ.เวนคืน และสนับสนุนเงินลงทุนเอกชนไม่เกินค่างานโยธา 96,012 ล้านบาท

ปัจจุบัน รฟม.สร้างช่วงตะวันออก “ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี” มีโครงสร้างใต้ดินและยกระดับ ความคืบหน้า ณ เดือน ก.ย. 69.82% จะสร้างเสร็จปลายปี 2565 พร้อมเปิดบริการปี 2567 ส่วน “บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ” เป็นใต้ดินตลอดสาย จะเปิดปี 2569

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


98 Degree