WHA ลั่นผลงานปี 66 นิวไฮต่อเนื่อง
หลังยอดขายที่ดินสูงกว่าเป้า
ชี้นายก “เศรษฐา” ไปสหรัฐช่วยดึงเงินก้อนใหญ่

.
WHA คาดผลงานปี 2566 ทั้งรายได้และกำไรสุทธิเติบโต 10% ทำสถิติใหม่สูงสุดต่อเนื่อง ตามการเติบโตของทุกธุรกิจ ชี้ธุรกิจนิคมโตเด่นสุดแห่ปรับเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เป็น 2.75 พันไร่ พร้อมส่งซิกผลงานครึ่งหลังแจ่ม จ่อขายสินทรัพย์เข้ากองอีกกว่า 3.5 พันล้านบาท
.
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA คาดภาพรวมในปี 2566 ทั้งรายได้และกำไรสุทธิเติบโต 10% จากปีก่อนหน้า และยังเป็นการทำสถิติใหม่สูงสุดต่อเนื่อง ตามการเติบโตของธุรกิจทั้ง 4 กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม
.
โดยทิศทางภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก ด้วยธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ฟื้นตัวกลับและยังไต่ระดับการเติบโตขึ้นได้ต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมมียอดขายที่ดินรอโอนและอยู่ระหว่างรอเซ็นค่อนข้างสูง สุดท้ายในไตรมาส 4/66 บริษัทจะมีการนำสินทรัพย์ขายเข้ากอง WHART อีกราว 3.5 พันล้านบาท
.
นอกจากนี้บริษัทได้ปรับเป้ายอดขายที่ดินรวมทั้งในประเทศไทยและเวียดนามในปี 2566 เป็น 2.75 พันไร่ จากเดิมที่ 1,000 ไร่ ในปัจจุบันมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ราว 1 พันไร่ ซึ่งคาดว่าจะทยอยโอนในช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 50% และยังมียอดขายที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาอีก 700 – 800 ไร่
.
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีลูกค้ารายใหญ่กลุ่มธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน เข้ามาเจรจาซื้อที่ดินอีกกว่า 200-300 ไร่ แต่ยังไม่สามารถรายละเอียดและข้อสรุปได้ในตอนนี้ รวมถึงลูกค้ารายใหญ่ที่เข้ามาเจรจาและให้ความสนใจซื้อที่ดิน 600 ไร่ ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าจะสามารถสรุปได้อย่างเร็วภายในช่วงสิ้นปี 66 หรืออย่างช้าไม่เกินต้นปี 67
.
ทั้งนี้ จากความชัดเจนทางการเมืองรัฐบาลและการเข้าพบเหล่าผู้นำและผู้ประกอบการในสหรัฐฯของนายกเศรษฐา จะเป็นตัวช่วยในการดึงดูดแหล่งทุนขนาดใหญ่ให้มีความสนใจเข้ามาขยายฐานการผลิตในประเทศไทยได้ในช่วงระยะเวลาต่อจากนี้หรือในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเป็นตัวสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศและการดำเนินธุรกิจของบริษัท
.
สำหรับภาพรวมอื่นๆ อย่างธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทมุ่งขยายการเติบโตให้ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์สำคัญในประเทศ และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในประเทศเวียดนาม โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อีคอมเมอร์ซ และอุตสาหกรรมที่เป็น New S-curve
.
นอกจากนี้ยังส่งเสริมการสร้างพันธมิตรในระยะยาว พร้อมนำนวัตกรรมทางด้านดิจิทัลและแนวปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนเข้ามาใช้ทั้งระบบ ตั้งแต่โครงการ Green Logistics โครงการอาคารสีเขียว โดยตั้งเป้าสิ้นปี 2566 จะมีการลงนามสัญญาเช่าโครงการใหม่รวม 2 แสนตารางเมตรและมีสินทรัพย์ภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารรวมทั้งสิ้น 2.9 ล้านตารางเมตร
.
ในส่วน Office Solutions บริษัทได้ขยายโครงการอาคารสำนักงานบนทำเลกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 5 โครงการ บนพื้นที่รวมมากกว่า 120,000 ตารางเมตร และเริ่มขยายสู่โครงการพาณิชยกรรมรูปแบบใหม่ ๆ อย่างไลฟ์สไตล์รีเทลสเปซ พื้นที่ 3,000 ตารางเมตร ใกล้สถานีบีทีเอสสุรศักดิ์ ถนนสาทร ที่พร้อมเปิดช่วงต้นปี 2567 และโครงการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางในย่านสาทร พื้นที่กว่า 6,900 ตารางเมตร ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
.
ขณะที่ธุรกิจสาธารณูปโภคน้ำ ยังคงเติบโตไปพร้อมกับกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมโดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงผลิตน้ำอุตสาหกรรมและบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำ 3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และบำบัดน้ำ 1.9 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 4/66 นี้
.
นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการเพิ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชันให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนหาโอกาสการขยายตลาดสู่ลูกค้าภายนอกนิคม โดยล่าสุดมีการลงนามในสัญญาการซื้อขายน้ำเพื่ออุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) ให้กับลูกค้า 2 รายในนิคมอุตสาหกรรม WHA ESIE4 คิดเป็นปริมาณน้ำรวม 4.6 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงตั้งเป้าสิ้นปี 2566 จะมีปริมาณยอดจำหน่ายน้ำอุตสาหกรรม น้ำมูลค่าเพิ่ม และปริมาณการบำบัดน้ำเสียในประเทศไทยและเวียดนามรวมทั้งหมด 168 ล้านลูกบาศก์เมตร
.
ด้านธุรกิจไฟฟ้า บริษัทยังคงขยายธุรกิจในไทย, เวียดนาม และขยายสู่ตลาดใหม่ในประเทศอื่น ๆ ควบคู่กับการนำนวัตกรรมและความยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งการหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจเพื่อสร้าง New S-Curve อาทิ ระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ (BESS : Battery Energy Storage Systems) ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) การซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS)
.
สำหรับเป้าหมายปี 2566 บริษัทตั้งเป้าจะมีการเซ็นสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาเพิ่มเติมหลายโครงการและคาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 192 เมกะวัตต์ โดยมีเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมจากโครงการพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งสิ้น 300 เมกะวัตต์ ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งปีมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นจะอยู่ที่ 847 เมกะวัตต์