PTT หรือหุ้นยักษ์ใหญ่ของไทยที่เป็นที่จับตามองของใครหลายๆคน วันนี้เราจะมาเจาะโมเดลธุรกิจ จากการสัมภาษณ์ คุณเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานกรรมการบริหารใหญ่ของ PTT และ 2 นักวิเคราะห์ อย่าง ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุลในรายการ Business Model
ก่อนที่จะไปฟัง 2 กูรูนักวิเคราะห์ เรามาฟังบทสัมภาษณ์ของคุณเทวินทร์ วงศ์วานิช ซึ่งจะเผยถึงสถานการณ์ปัจจุบัน กลยุทธ์การบริหารและมุมมองการเติบโตของ PTT กันดีกว่าคะ
บทบาทหลักของ PTT แบ่งเป็น 2 ด้าน 1.บริษัทพลังงานแห่งชาติที่ทำหน้าที่ให้กับรัฐ โดยลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดหาพลังงาน และ 2.บริษัทมหาชน ที่มีการแข่งขันในตลาดเสรี โดยดำเนินงานผ่านบริษัทในเครือ ซึ่งแยกเป็น 4 สาย ได้แก่ สำรวจและผลิต, โรงกลั่นปิโตรเคมี,ไฟฟ้า และน้ำมัน
ปัจจุบัน PTT มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 40 % สัดส่วนรายได้มาจากกิจการที่ PTT ดำเนินงานเอง 60-65% บริษัทในเครือ 35-40% แต่ถ้าหากมองในด้านกำไรจะมาจาก PTT เพียง 50% และบริษัทในเครือ 50% ที่ลดลงเนื่องจากการซื้อขายน้ำมันและก๊าซในการดำเนินงานของ PTT นั้นมีส่วนต่างกำไรน้อย
การบริหารจัดการความผันผวนของราคา
ประเด็นที่ 1: Portfolio Management จากธุรกิจของ PTT ที่ครอบคลุม Supply Chain หรือการผลิตทุกขั้นตอนในด้านพลังงาน โดยในแต่ละตัวธุรกิจจะมีช่วงวัฏจักรการขึ้น-ลงของราคา เช่นในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบลดลงทำให้ต้นน้ำราคาต่ำ ปลายน้ำจะดี เนื่องจากต้นทุนที่ต่ำลง เกิดการ Hedging หรือป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาโดยธรรมชาติซึ่งเป็นกลยุทธ์การควบคุมราคาในแต่ละตัวธุรกิจ รวมทั้งมีการเพิ่มประสิทธิและบริหารต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง
ประเด็นที่ 2: Risk Management โดยเฉพาะด้านอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากโครงการของ PTT ใช้เงินลงทุนสูง จำเป็นต้องกู้ยืมจากต่างประเทศ PTT จึงขายผลผลิตที่ได้ไปยังต่างประเทศ ทำให้เงินลงทุนและรายได้อยู่ในสกุลเงินเดียวกัน เพื่อลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
มุมมองในอนาคต
- ขยายตลาดไปยัง AEC ทั้งในด้านของปั้มน้ำมันและค้าปลีก เช่น กาแฟ Amazon
- ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขยายการรองรับพลังงานก๊าซ
- ดึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการดำเนินงานและสร้างธุรกิจใหม่
- สนับสนุนแนวคิดในการพัฒนาเมืองและการอยู่อาศัยในอนาคต
นโยบายการบริหารแบบ 3D เพื่อการเติบโต
- Do Now เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนต่อหน่วย
- Decide Now ตัดสินใจลงทุนโครงการใหญ่เพื่อการเติบโตในอนาคต
- Design Now นำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้และสร้างธุรกิจใหม่
ในส่วนของ 2 นักวิเคราะห์อย่าง ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล จะมีความเห็นอย่างไรบ้างกับหุ้น PTT ?
ดร.นิเวศน์ : ให้ความเห็นในเชิงบวก จาก 3 จุดแข็งของ PTT คือ
1.ในด้านการ Hedging หรือป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาจากการดำเนินงานที่ครอบคลุมทุกสายโซ่การผลิต การผสมผสานรายได้จากหลายทางช่วงลดความเสี่ยงของรายได้รวมที่อาจจะลดลงจากภาวะเศรษฐกิจ
2.ธุรกิจที่ผูกขาดอย่างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่อก๊าซ ที่เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจพิมพ์เงิน มีกำไรดีจากรายได้ขนส่งก๊าซผ่านท่อ
3.การสร้าง Brand ที่แข็งแกร่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค อย่างธุรกิจปั้มน้ำมันที่สามารถสร้างธุรกิจค้าปลีกประกอบกันและมีการให้เช่าพื้นที่ขายของ ซึ่งรายได้จากค่าเช่าจะเป็นรายได้ที่ค่อนข้างมั่นคง
ดร.วิศิษฐ์ : พูดถึงเรื่องการ Valuation หุ้น PTT ต้องคำนึกถึง 4 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 กำไรจากธุรกิจก๊าซ, Oil and Marketing และ ถ่านหิน
ส่วนที่ 2 กำไรจากบริษัทลูก 6 แห่ง โดยคิดตามสัดส่วนการเข้าถือหุ้น
ส่วนที่ 3 กำไรจากการลงทุนอื่นๆ
ส่วนที่ 4 การ Discount มูลค่า เนื่องจาก PTT เป็น Holding Company คือมีรายได้จากบริษัทลูกทำให้ Valuation แล้วจะสูงเกินจริง ปกติมีอัตราการ Discount ประมาณ 25-30% โดยในภาวะตลาดขาขึ้น Discount จะต่ำ ในทางตรงกันข้ามหากตลาดขาลง Discount จะสูง
ในการ Valuation นั้นต้องคำนวณหาจำนวนกำไรในส่วนที่ 1-3 ว่าเป็นกี่เท่าของ EBITDA แล้วเอามาหักกับ Discount ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับนักลงทุนทั่วไป ดร.นิเวศน์เลยให้คำแนะนำไว้ว่า ให้ดูเรื่องปันผล ค่า P/E และภาพรวมความแข็งแกร่งของบริษัทก็สามารถที่จะวัดมูลค่าและคาดการณ์โอกาสในการเติบโตได้
PTT ที่เป็นเต็งหนึ่งในด้านพลังงานและเป็นหุ้นใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งมีนโยบายที่ชัดเจนทั้งยังผูกขาดสูง และมีความผันผวนของรายได้ที่มีความเสี่ยงหักล้างกันเนื่องจากการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมทุกสายโซ่การผลิต ทำให้ PTT เป็นหุ้นที่น่าสนใจไม่น้อย
อ้างอิง: Business Model | PTTบริษัทพลังงานแห่งชาติในเวทีโลก #05/07/17