ห้องเม่าปีกเหล็ก

กระทิงจีนขาหัก? "

โดย ม้าสีหมอก
เผยแพร่ :
45 views

กระทิงจีนขาหัก? "ตลาดหมีกวักมือเรียก สัญญาณ Technical Correction มาเต็ม หุ้นเทคฯ ฮ่องกงอาการหนัก

ตลาดหุ้นจีนเริ่มส่งสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะใครที่ถือหุ้นเทคโนโลยีจีนหรือกองทุนจีนอยู่ อาจจะเริ่มเห็นพอร์ตแดงหรือกำไรหดหายกันบ้างแล้ว โดยข่าวใหญ่วันนี้คือ ตลาดหุ้นจีนกำลังเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า "การปรับฐาน" หรือ Correction อย่างเต็มตัว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยพุ่งแรงดั่งกระทิง แต่ตอนนี้ดูเหมือนกระทิงจะเริ่มหมดแรงเสียแล้วค่ะ

เรามาเริ่มทำความเข้าใจกันก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น ดัชนี MSCI China ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดภาพรวมของหุ้นจีน ได้ร่วงลงมากถึง 2% ในวันอังคาร และถ้านับจากจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ตัวเลขการร่วงลงนี้รวมกันแล้วเกินกว่า 10% แล้วนะคะ

 

ในภาษาทางการเงิน เมื่อดัชนีร่วงลงมาจากจุดสูงสุดเกิน 10% เราจะเรียกสภาวะนี้ว่า "Technical Correction" หรือ "การปรับฐานทางเทคนิค" ค่ะ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าแรงซื้อที่เคยมีมหาศาลเริ่มแผ่วลง และนักลงทุนเริ่มเทขายทำกำไรหรือหนีตายกันออกมา

สาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนเสียทรงในรอบนี้ มาจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังดูอ่อนแอและขาดแรงส่งที่ชัดเจนค่ะ แม้ว่าก่อนหน้านี้ตลาดจะวิ่งขึ้นมาได้ด้วยกระแสหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แต่ตอนนี้ความกังวลเรื่อง "เงินฝืด" (Deflation) ในภาคการผลิต การบริโภคที่ซบเซา และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ฟื้นตัว ได้กลับมาหลอกหลอนนักลงทุนอีกครั้ง

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ยอดค้าปลีกในเดือนพฤศจิกายนขยายตัวในอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิดเลยทีเดียว แถมราคาบ้านก็กลับมาลดลงอีกครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อของคนในประเทศยังไม่กลับมา และนั่นทำให้เศรษฐกิจจีนเปราะบางมากโดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากต่างประเทศและความตึงเครียดทางการค้าที่กำลังปะทุขึ้น

นอกจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจแล้ว สิ่งที่ทำให้นักลงทุนผิดหวังอย่างมากคือท่าทีของผู้นำจีนค่ะ ล่าสุดในการประชุมระดับผู้นำ ทางการจีนยังแสดงท่าทีลังเลที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ที่นักลงทุนคาดหวัง ในทางตรงกันข้าม ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กลับออกมาส่งสัญญาณว่าจะจัดการกับโครงการที่ "บ้าบิ่น" หรือโครงการที่ทำเพื่อแค่ให้ตัวเลขดูดีแต่ไม่มีคุณภาพ

ท่านเน้นย้ำเรื่องคุณภาพของการเติบโตมากกว่าแค่ตัวเลข GDP ซึ่งนั่นหมายความว่ารัฐบาลอาจจะไม่ทุ่มเงินหว่านแหเพื่ออุ้มเศรษฐกิจเหมือนในอดีต ทำให้ความหวังที่จะเห็นเม็ดเงินมหาศาลไหลเข้าสู่ระบบเริ่มริบหรี่ลง

ผลกระทบที่เห็นได้ชัดที่สุดเกิดขึ้นกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดยักษ์ค่ะ หุ้นอย่าง Alibaba และ Tencent กลายเป็นตัวฉุดตลาดที่สำคัญ นอกจากนี้ หุ้นที่เคยร้อนแรงและพุ่งขึ้นมาด้วยมูลค่าที่สูงลิ่ว (High-flying names) อย่าง Pop Mart ก็โดนเทขายทำกำไรออกมาเช่นกัน ทำให้ดัชนี Hang Seng China Enterprises (HSCEI) ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกง ก็เข้าสู่ภาวะ Technical Correction ไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน และที่น่ากังวลกว่านั้นคือ ดัชนีหุ้นเทคโนโลยีของฮ่องกง (Hang Seng Tech Index) ตอนนี้เหลืออีกไม่ถึง 1% ก็จะเข้าสู่ภาวะ "Bear Market" หรือ "ตลาดหมี" แล้วค่ะ

 

ตลาดหมีคือการร่วงลงถึง 20% จากจุดสูงสุด ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนกว่าแค่การปรับฐาน

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ คุณ Vey-Sern Ling กรรมการผู้จัดการจาก Union Bancaire Privee มองว่า การเทขายทำกำไรในช่วงนี้เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลค่ะ เพราะปีนี้หุ้นจีนขึ้นมาเยอะมากจากการที่มูลค่าหุ้น (Valuation) ปรับตัวสูงขึ้น แต่ปัญหาพื้นฐานอย่าง เงินฝืด การบริโภคที่อ่อนแอ และวิกฤตอสังหาฯ ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเด็ดขาด ส่วนคุณ Marvin Chen จาก Bloomberg Intelligence ก็เสริมว่า หุ้นจีนได้สูญเสียโมเมนตัมไปแล้วในไตรมาสที่ 4 นี้ เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ และสัญญาณการสนับสนุนจากนโยบายรัฐก็น่าผิดหวัง

สิ่งที่น่าจับตามองต่อไปคือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "Sector Rotation" หรือ "การหมุนเวียนกลุ่มลงทุน" ค่ะ ตอนนี้เราเห็นสัญญาณชัดเจนว่าหุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกงกำลังทำผลงานได้แย่กว่าหุ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ ดัชนี HSCEI ร่วงลงกว่า 6% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ดัชนีหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ลดลงเพียง 2.3%

สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนทั่วโลกกำลังโยกเงินออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (ที่ราคาขึ้นมาสูงจากกระแส AI เช่น DeepSeek ในช่วงก่อนหน้า) และหันไปมองหาหุ้นกลุ่ม "Value" หรือหุ้นคุณค่า และหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภคแทน โดยเชื่อว่าถ้ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นจริงๆ ก็น่าจะเน้นไปที่การกระตุ้นการบริโภคในประเทศมากกว่าการอุ้มบริษัทเทคฯ

สรุปภาพรวมตอนนี้คือ แม้ว่าดัชนี MSCI China จะยังบวกอยู่ถึง 27% ตั้งแต่ต้นปี และมีแนวโน้มจะปิดปีด้วยผลตอบแทนที่เป็นบวกเป็นปีที่สองติดต่อกัน แต่บรรยากาศในช่วงท้ายปีนี้ดูอึมครึมมากค่ะ นักลงทุนเริ่มระมัดระวังตัวกับมูลค่าหุ้นที่ตึงตัวและทิศทางนโยบายที่ไม่ชัดเจน ซึ่งคุณ Hao Hong จาก Lotus Asset Management ก็มองว่า หุ้นกลุ่มที่ไม่ใช่เทคโนโลยี (Non-tech) น่าจะทำผลงานได้ดีกว่าหุ้นเทคฯ ต่อไปอีกอย่างน้อยหนึ่งไตรมาส

ใครที่ลงทุนอยู่ช่วงนี้อาจจะต้องจับตาดูการประชุมนโยบายสำคัญที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า ว่าจะมี "ยาแรง" ออกมาช่วยพยุงตลาดหรือไม่ค่ะ

 

 

เนื้อหาที่มาจาก…  Beauty Investor


ม้าสีหมอก