กระทิงในปี 2021, หมีในปี 2022 และกระทิงครั้งต่อไป ? :
ต้นปี 2020 เกิดการระบาดของ Covid-19 ทำให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ลงทันทีจากระดับ 1.75% เป็น 0.25% และอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบจำนวน 5.9 ล้านล้าน USD
ไม่เฉพาะสหรัฐฯเท่านั้น แต่เกือบทุกประเทศทั่วโลก ก็ดำเนินการเงินแบบผ่อนคลายโดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเช่นเดียวกัน โดยเกือบทุกประเทศทั่วโลกอัดฉีดสภาคล่องเข้าสู่ระบบเป็นจำนวนเงินรวมกันสูงถึง 33 ล้านล้าน USD
จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ทำให้ตลาดคริปโตฯเข้าสู่สภาวะกระทิงจนถึงปลายปี 2021 โดยมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 3 ล้านล้าน USD
ปี 2022 สหรัฐฯ, EU, อังกฤษและไทยเริ่มนโยบายการเงินแบบตึงตัวเพราะปัญหาเงินเฟ้อ โดยการปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบาย และดึงเงินออกจากระบบ
ในปี 2022 สหรัฐฯปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate จาก 0.25% เป็น 4.50% และดึงเงินออกจากระบบจำนวน 522,500 ล้าน USD และคาดว่าในปี 2023 สหรัฐฯจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate จาก 4.50% ในปี 2022 จนไปถึง 5.25% และดึงเงินออกจากระบบเพิ่มอีกเป็นจำนวน 1.14 ล้านล้าน USD
ส่วน ECB, ในปี 2022 ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก -0.5% เป็น 2.00% และคาดว่า ECB จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องไปจนถึง 3.35% ในปี 2023 พร้อมกับจะดึงเงินออกจากระบบเป็นจำนวนเดือนละ 15,000 ล้าน Eoru ระหว่างเดือนมีนาคม - มิถุนายน ปี 2023
จากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น ทำให้ตลาดคริปโตฯ, ตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกเข้าสูงสภาวะตลาดหมีแบบเต็มตัวในปี 2022 โดยตลาดคริปโตฯสูญเสียมูลค่าไปเป็นจำนวนประมาณ 2 ล้านล้าน USD, ตลาดหุ้นสูญเสียมูลค่าไปจำนวน 25 ล้านล้าน USD ในขณะเดียวกันกับที่ตลาดตราสารหนี้สูญเสียมูลค่ารวม 9.6 ล้านล้าน USD
สภาวะตลาดหมีอาจจะต่อเนื่องมาจนถึงปี 2023 เพราะสหรัฐฯ, EU, อังกฤษ และไทย ( รวมทั้งญี่ปุ่นเพราะเงินเฟ้อเริ่มสูงขึ้น ) ยังคงจะดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวต่อไป
แต่ตั้งแต่ในปี 2024 เป็นต้นไป สภาวะตลาดกระทิงจะมาเยือนเพราะสหรัฐ, EU, อังกฤษและไทย ( รวมทั้งญี่ปุ่น ) จะกลับมาใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย เพราะเงินเฟ้อลดลง
เพราะฉะนั้น กลยุทธการลงทุนจึงควรจะเป็นดังนี้คือ :
ปี 2022 : ซื้อเมื่อมีการย่อตัว
ปี 2023 : ทำ DCA
ปี 2024 เป็นต้นไป : ถือลงทุนไปในระยะยาว ในอีก 10 – 20 ปีข้างหน้า หรืออาจจะยาวนานมากกว่านี้