การปรับห่วงโซ่อุปทานใหม่
จะเพิ่มต้นทุนและกดดันมาร์จิ้น
“ผู้ประกอบการกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์”

.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ จะยกระดับมาตรการสกัดกั้นการพัฒนาเทคโนโลยีไฮเทคของจีนเพิ่มเติมอีก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการปรับห่วงโซ่อุปทานใหม่ที่กระจายตัวไปยังแต่ละภูมิภาคของโลก ขณะที่ดอกผลของการสร้างฐานผลิตใหม่ต้องใช้เวลาแม้จะมีมาตรการสนับสนุนการลงทุนบางส่วน
.
ดังนั้น บริษัทอิเล็กทรอนิกส์โลก รวมถึงไทยมีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้น มาร์จิ้นบางลง หรือผู้บริโภคอาจเผชิญความท้าทายด้านราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่แพงขึ้น ซึ่งการปรับห่วงโซ่ใหม่ คงจะทำให้ไทยได้รับอานิสงส์โดยเฉพาะการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ซับซ้อน
.
โดยการลงทุนน่าจะเติบโตในอุตสาหกรรมผลิตสินค้าขั้นปลายอย่างรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าบางรายการ แต่โดยรวมผลบวกต่อการลงทุนในไทยอาจยังน้อยกว่าในประเทศเพื่อนบ้าน
.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์โลกหรือการแย่งชิงความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีที่ทวีความเข้มข้นขึ้นนั้น ได้ทำให้เกิดผลกระทบต่อบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำทั่วโลก โดยที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ การเร่งปรับฐานการผลิตเพื่อลดการพึ่งพาจีนของกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ ผ่านการออกกฎหมายและมาตรการเพื่อให้เกิดการลงทุนในประเทศตน
.
รวมถึงการหาแนวร่วมในการดำเนินนโยบายควบคุมการส่งออก (ExportControls) จนนำมาสู่สัญญาณการหดตัวลงของยอดนำเข้าของจีนในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ ตั้งแต่ปลายปี 2565 ต่อเนื่องถึงช่วง 2 เดือนแรกปี 2566
.
อีกทั้งกระแสการกระจายการลงทุนจากจีนไปยังหลายภูมิภาคทั่วโลกอีกระลอกเมื่อประกอบภาพกับวัฏจักรขาลงของความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลังโควิดคลี่คลายและจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว จึงกระทบต่อผลประกอบการของบรรดาบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกและตามมาด้วยข่าวการปลดแรงงานของผู้ประกอบการหลายแห่ง
.
[ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นห่วงโซ่อุปทาน]
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีมุมมองต่อประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯและจีนและผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ในช่วงข้างหน้าดังนี้
.
การ Export Controls ของกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯมีแนวโน้มถูกยกระดับให้ครอบคลุมกลุ่มชิปชั้นสูงอื่นที่อาจถูกประยุกต์ใช้เพื่อทดแทนการทางานของชิป AI เช่นชิปที่ใช้ช่วยการขับขี่อัตโนมัติใน รถยนต์ชิปประมวลผลในอุปกรณ์สื่อสารเป็นต้น
.
ปัจจุบันผู้ประกอบการจีนมักใช้ชิ้นส่วนของกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ ในผลิตภัณฑ์ของตนเป็นหลักหรือแม้กระทั่งขยับมาถึงกลุ่มชิปพื้นฐานที่จำ เป็นต่อการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะเมื่อใกล้ถึงจังหวะที่สหรัฐฯ จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปลายปี 2567 จากปัจจุบันที่ขอบข่ายของมาตรการฯ มุ่งเน้นไปที่การห้ามส่งออกชิป AI ชั้นสูงและอุปกรณ์ผลิตชิปชั้นสูงไปยังจีน รวมถึงการกำหนดรายชื่อบริษัทเทคโนโลยีจีนที่ไม่สามารถทำการค้ากับบริษัทสัญชาติอเมริกันได้ (EntityList) ซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นราว 350รายจากปี 2561
.
อย่างไรก็ดี กลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ น่าจะมีการพิจารณาทยอยออกมาตรการเป็นลำดับขั้นเพื่อลดขอบข่ายผลกระทบ เช่น ควบคุมการส่งออกเฉพาะไปยังบริษัทที่อยู่ในห่วงโซ่ที่อาจเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีนก่อนเพื่อดูผลสืบเนื่องก่อนขยายวงให้ครอบคลุมมากขึ้น
ขณะเดียวกันไม่เพียงแต่จีนที่คงจะได้รับผลกระทบต่อเนื่อง แต่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติในกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯก็จะยิ่งเผชิญข้อจากัดด้านยอดขายมากขึ้นเมื่อต้องแข่งขันกันหาตลาดอื่นทดแทนจีน ขณะที่ดอกผลของการกระจายการลงทุนยังประเทศแม่หรือในกลุ่มพันธมิตรด้วยกันเองยังต้องใช้เวลาหลายปีในการเพิ่มกำลังการผลิตและคืนทุน ถึงแม้ว่าจะได้รับผลบวกบางส่วนจากมาตรการสนับสนุนการลงทุน เช่น CHIPS Act ของสหรัฐฯก็ตาม
.
[ห่วงโซ่อุปทานถูกแบ่งเป็น 2 ขั้ว]
สำหรับกระแสการเพิ่มการลงทุนในหลายภูมิภาคทั่วโลก ในขณะที่จีนต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีไฮเทคของตนเองจะทำให้ห่วงโซ่อุปทานถูกแบ่งเป็น 2 ขั้วเร็วขึ้นและกระจายตัวเพื่อลดความเสี่ยงโดยการผลิตชิปชั้นสูงของกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ จะอยู่ในประเทศแม่และพันธมิตร อาทิ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหภาพยุโรป
.
ส่วนการผลิตชิ้นส่วนพื้นฐานหรือชิปที่ไม่ซับซ้อนจะกระจายตัวไปยังแหล่งที่เป็นโอกาสทางการตลาดของสินค้าขั้นปลาย เช่น อุปกรณ์ไอที เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ ฯลฯ ในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ อาเซียน เอเชียใต้ อเมริกาเหนือ เป็นต้น จากเดิมที่ห่วงโซ่อุปทานกระจุกตัวอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่อาศัยจีนเป็นโรงงานของโลกและไต้หวันเป็นหลัก
.
[ต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น-มาร์จิ้นลดลง]
กระแสลงทุนห่วงโซ่อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ที่กระจายตัวไปในหลายภูมิภาคน่าจะยิ่งผลักดันให้ต้นทุนผู้ประกอบการเพิ่มสูงขึ้นผลจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ได้ผลักดันให้เกิดกระแสพึ่งพาตนเอง โดยเฉพาะการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูง ทำให้กลุ่มสหรัฐฯแม้แต่ละประเทศจะเป็นพันธมิตรกัน
.
แต่ต่างฝ่ายต่างก็พยายามแข่งขันกันสร้างห่วงโซ่อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงขึ้นในประเทศของตนเองเพื่อประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ แม้รัฐบาลแต่ละประเทศจะมีการให้เงินสนับสนุนบางส่วนสำหรับการลงทุน
.
รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ก็ไม่น่าจะเพียงพอสำหรับต้นทุนธุรกิจที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตเนื่องจากห่วงโซ่อุปทานที่กระจัดกระจายในหลายภูมิภาคน่าจะทำให้สเกลการผลิตในแต่ละห่วงโซ่ใหม่มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับห่วงโซ่เดิมที่กระจุกตัวอยู่ในเอเชียตะวันออก
.
ดังนั้น มาร์จิ้นธุรกิจทั้งระบบจึงมีแนวโน้มบางลงในระยะข้างหน้าหรือเพื่อที่จะรักษามาร์จิ้นราคาสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ก็ย่อมมีแนวโน้มแพงขึ้น
.
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ประเทศไทยไทยน่าจะได้รับอานิสงส์การลงทุนบางส่วนจากการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ โดยเฉพาะด้านการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นบทบาทหลักของไทยแต่ก็ยังต้องเผชิญการแข่งขันกับเพื่อนบ้านโดยเฉพาะมาเลเซีย เวียดนาม และอินเดียซึ่งมีบทบาทคล้ายคลึงกับไทย
.
อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะมีจุดเด่นที่ไม่เป็นรองเพื่อนบ้านในบางประการ เช่น การมีสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนที่ไม่แพ้เพื่อนบ้านและการวางตัวเป็นกลางในประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ แต่ไทยก็ยังต้องเผชิญประเด็นท้าทายบางประการเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเวียดนามและอินเดียที่มีความได้เปรียบด้านต้นทุนแรงงานในการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ซับซ้อน
.
ขณะที่มาเลเซียก็มีความได้เปรียบด้านบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการประกอบชิ้นส่วนซับซ้อนและไฮเทคทำให้โดยภาพรวมแล้ว ผลบวกต่อการลงทุนในไทยอาจน้อยกว่ากลุ่มเพื่อนบ้านดังกล่าว
.
ทั้งนี้ไทยน่าจะสามารถเกาะกระแสการลงทุนประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับอุตสาหกรรมผลิตสินค้าขั้นปลายที่ไทยเป็นฮับการผลิตอยู่โดยเฉพาะรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าซึ่งกำลังอยู่ในช่วงขยายการลงทุนตามกระแสรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมามีการลงทุนในไทยรวมกันไม่ต่ำ กว่า 2 หมื่นล้านบาทต่อปีและน่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องได้ในอนาคตตามการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีในตลาดโลก
.
อย่างไรก็ดี ไทยอาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะตึงตัวของอุปทานอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงในการผลิตสินค้าไฮเทคของค่ายจีนที่มาลงทุนในไทยปัจจุบัน ซึ่งผู้ประกอบการจีนได้เริ่มทยอยเข้ามาลงทุนผลิตสินค้าไฮเทคโดยเฉพาะรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย
.
โดยได้มีการนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไฮเทคจากจีนซึ่งยังคงต้องพึ่งพาห่วงโซ่ของกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯทำให้ในระยะข้างหน้า หากกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ ยกระดับความเข้มข้นในการจำกัดการเข้าถึงชิ้นส่วนไฮเทคของผู้ประกอบการจีน อาจส่งผลให้ไทยต้องเผชิญภาวะอุปทานชิ้นส่วนตึงตัวโดยเฉพาะชิปชั้นสูง ซึ่งถือครองโดยค่ายพันธมิตรสหรัฐฯ ทว่าในอีกด้านหนึ่งห่วงโซ่การผลิตสินค้าไฮเทคของค่ายพันธมิตรสหรัฐฯโดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ลงทุนในไทยน่าจะไม่เผชิญกับข้อจำกัดดังกล่าว
.
แม้ไทยจะเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่ใหม่ของทั้ง2 ขั้วซึ่งมีโอกาสได้รับคาสั่งซื้อหรือยอดผลิตและการเป็นฐานการส่งออกสินค้าขั้นปลายบางรายการแต่การกาหนดราคาขายยังต้องขึ้นอยู่กับบริษัทข้ามชาติเป็นส่วนใหญ่ดังนั้นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ในไทยก็มีแนวโน้มจะเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้นมาร์จิ้นบางลงหรือมิเช่นนั้นผู้บริโภคอาจต้องจ่ายค่าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในราคาที่แพงขึ้น