บทนํา : โดนัลด์ ทรัมป์ " ชี้ชะตาหุ้น "
ขณะที่คนทั่วไป และสำนักข่าวต่างๆทั่วโลก ต่างก็ด่าทอ โจมตี และตราหน้าโดนัลด์ ทรัมป์ว่าเป็นคนโง่ อีเดียด ไอคิวตํ่า ไม่สุภาพ หยาบคาย มารยาทตํ่าทราม กักขฬะ อยู่ไม่สุขเพราะต้องทวีตส่งข้อความอยู่ตลอดเวลา และไม่มีศีลธรรม เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือในช่วงสองปีเศษๆที่ผ่านมาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เข้ามาบริหารประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยนโยบาย “ อเมริกามาก่อน “ หรือ “ America First “ หรือ “ Make America Great Again “ นั้น ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาดีขึ้น การว่างงานของชาวอเมริกันตํ่าลง และตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวได้ดีขึ้น ดังนี้ คือ
1) การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาไตรมาสสองของปี พ.ศ 2561 โตถึง 4.2% ซึ่งโตสูงที่สุดในรอบ 4 ปี
2) การว่างงานของชาวอเมริกันในเดือนกันยายน ปี พ.ศ 2561 อยู่ที่ 3.7% ซึ่งเป็นอัตราที่ตํ่าที่สุดในรอบ 49 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ 2512
4) ดาวโจนส์ได้ปรับตัวขึ้นมาจาก 18,333 จุด เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2559 ซึ่งเป็นวันก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่แล้วหนึ่งวัน มาปิดที่ 26,656 จุด เมื่อวานนี้ วันที่ 23 เมษายน ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวเพิ้มขึ้น +45.39% ภายในระยะเวลาสองปีเศษๆ เท่านั้นเอง
เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นนักธุรกิจมาก่อน เพราะฉะนั้นจึงให้ความสำคัญกับตลาดหุ้นเป็นพิเศษ โดยความเคลื่อนไหวของดาวโจนส์มักจะมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับพฤติกรรมการส่งสัญญานในรูปแบบต่างๆของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวคือ @realDonaldTrump ข่าวจากสํานักซีเอ็นบีซี และข่าวจากสำนักบลูมเบิร์ก จนอาจจะเรียกได้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ “ ชี้ชะตาหุ้น “ และเป็นที่มาของข้อเขียนนี้
ผู้โพสต์จึงมีแนวความคิดว่า ถ้าความสัมพันธ์ดังกล่าวในอดีต สามารถนำมาเป็นไกด์ไลน์ในการคาดการณ์อนาคตได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่สนใจ
อนึ่ง ผู้โพสต์ขอเรียนให้ทราบเพิ่มเติมว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวข้างต้นน่าจะเกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราวเฉพาะในสมัยที่โดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสมัยแรกเท่านั้น เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นได้มาคล้องจองกับแนวโน้มขาขึ้นรอบใหญ่ของดอกเบี้ย Fed Fund Rate ที่มีผลทำให้ตลาดหุ้นดาวโจนส์อยู่ในสภาวะกระทิงพอดี ตามสมมุติฐานเดิมของผู้โพสต์ตั้งแต่แรกที่เข้ามาโพสต์ใน Webboard ของ ( www.stock2morrow ) เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ปี พ.ศ 2560 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
และผู้โพสต์คาดว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวข้างต้นจะสิ้นสุดลงเมื่อมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในครั้งต่อๆไป
หมายเหตุ : โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Index Futures ในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com