พลังงานสะอาด กับการเติบโตแบบก้าวกระโดด ..

ทุกวันนี้การต่อสู้กันระหว่างพลังงานสะอาด(พลังงานลม พลังงานโซล่าร์ฟาร์ม)กับพลังงานสกปรกอย่างถ่านหินมีความรุนแรงเป็นอย่างมากและดูเหมือนว่าพลังงานสะอาดจะได้รับชัยชนะอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ก่อนหน้านี้ IEA (The International Energy Agency) ประกาศสนับสนุนพลังงานสะอาดอย่างเด่นชัด และส่งเสริมให้บริษัทเอกชนมีการลงทุนทำพลังงานแสงอาทิตย์กันอย่างกว้างขวาง ..

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา IEA ได้คาดการณ์เอาไว้ว่า ในปี 2015 พลังงานสะอาดจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าพลังงานสกปรกอย่างถ่านหินซึ่งเคยเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าใหญ่ที่สุดของโลก ปัจจุบันนี้คงจะไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว

IEA ได้ฉายภาพให้เห็นว่าถ้าโลกของเรายังคงใช้ถ่านหินต่อไป ธรรมชาติจะเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาวะโลกร้อน การหลอมละลายของน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ หรือน้ำท่วมโลกจะทำให้พื้นดินหายไปถึง 1 ใน 3 อย่างในภาพยนต์ชื่อดังจะเกิดขึ้นจริง การละเลยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่น้อยเกินไป ทาง IEA จะต้องมีการส่งเสริม ในปีที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง มนุษย์มีการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์มากกว่า 5 แสนแผงในทุกๆวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน ดินแดนมังกรหลับที่พร้อมจะตื่นขึ้นทุกเมื่อซึ่งกินส่วนแบ่งมากถึง 40% และผลิตได้สูงถึง 153 กิ๊กกะวัตต์เมื่อเทียบกับพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตได้จากทั่วโลก ต้องขอบคุณรัฐบาลจีนที่ให้การสนับสนุนและคำนึงถึงภัยอันตรายที่กำลังจะมาถึงโลกใบนี้ นอกจากนี้ประเทศจีนยังส่งเสริมพลังงานลมอีกด้วย โดยเฉลี่ยประเทศจีนได้ขึ้นเสากังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้าวันละ 2 เสา และคาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้สูงถึง 825 กิ๊กกะวัตต์ในปี 2021

กราฟเปรียบเทียบประมาณการณ์ระหว่าง Total electricity (ปริมาณการใช้ไฟฟ้า) และ Renewable (ความสามารถในการผลิตไฟฟ้าโดยพลังงานสะอาด)ในช่วงปี 2015 -2020 หน่วยเป็น terawatt hours - ขอบคุณภาพจาก Economist.com

ถึงแม้ว่าพลังงานสะอาดจะมีการส่งเสริมอย่างกว้างขวาง แต่ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องรู้คือ พลังงานสะอาดไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอดเวลา ไม่เหมือนกับถ่านหินเราจะเผามันเมื่อไรก็ได้ และสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามทาง IEA ก็พยายามส่งเสริมให้พลังงานสะอาดเข้ามามีบทบาทและกินส่วนแบ่ง 28% จากพลังงานที่โลกนี้ต้องการใช้ทั้งหมด รัฐบาลแต่ละประเทศควรส่งเสริมให้ประชาชนได้รู้ถึงภัยร้ายแรงของการใช้ถ่านหินและไม่ส่งเสริมให้บริษัทเอกชนใช้พลังงานกันอย่างสิ้นเปลือง

โชคดีเป็นอย่างมากที่ปัจจุบันนี้ราคาแผงโซล่าร์เซลล์มีราคาถูกลงอย่างเห็นได้ชัด มนุษย์สามารถนำไปติดตั้งที่บ้านในราคาย่อมเยาว์ และในไม่ช้ากังหันลมผลิตไฟฟ้าอาจจะราคาถูกและคนก็สามารถนำไปผลิตไฟฟ้าภายในบ้านได้

IEA คิดไว้ว่าอยากจะเห็น EU หรือประเทศในกลุ่มยุโรปผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้เป็นอันดับที่สองของโลก รองจากประเทศจีนซึ่งเป็นที่หนึ่ง และอยากจะสนับสนุนให้รัฐบาลของประเทศในกลุ่ม EU มีการลดภาษีสำหรับเอกชนที่ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด

สาเหตุที่ IEA คิดแบบนั้น คือ อยากให้ EU เป็นอันดับสองนั้นเพราะประเทศในกลุ่มนี้มีแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าที่ลดลง ส่วนใหญ่เป็นประชากรในกลุ่มผู้สูงวัยและใช้เครื่องไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานกันอย่างแพร่หลายในครัวเรือน อีกทั้งการขนส่งมวลชนก็มีความสมบูรณ์มากกว่าในประเทศแทบเอเชียซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนา การบริโภคพลังงานค่อนข้างสูง

ลอว์รี่ เมี่ยว เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญด้านพลังงานจากประเทศจีนใน NGO ได้ให้ความเห็นว่า "ทาง IEA ได้มาถูกทางแล้ว การบริโภคพลังงานในแถบเอเชียจะสูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนา แต่การเติบโตของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดจะเติบโตแบบก้าวกระโดด (exponential growth dynamics) และในท้ายที่สุด ประชาชนจะหันไปพึ่งพาพลังงานสะอาดได้ 100% ทั้งหมดในอนาคต "

ถึงแม้ว่าราคาถ่านหินของโลกจะตกลงอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหมืองถ่านหินมีการปิดตัวลงอย่างแพร่หลาย เอกชนที่เป็นเจ้าของเหมืองต่างเดือดร้อนกันทั่วหน้า แต่จุดเปลี่ยน คือ การที่รัฐบาลจีนมีการกระตุ้นและช่วยเหลือเอกชนเหล่านั้นโดยการ "จ้างให้ปิดตัว" ทำให้ซัพพลายของถ่านหินโลกลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ราคาถ่านหินพากันถีบตัวอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ ....

คำถามคือ ตอนนี้ประเทศจีนกำลังคิดอะไรอยู่ ? เป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป

--------------------------

แปลโดย SiTh LoRd PaCk

บทความจาก economist.com