ห้องเม่าปีกเหล็ก

วันประกาศงบ Q2/66 10 หุ้นบิ๊กแคปของตลาดหุ้นไทย

โดย eighteen nineteen
เผยแพร่ :
137 views

แชร์เก็บไว้…วันประกาศงบ Q2/66

10 หุ้นบิ๊กแคปของตลาดหุ้นไทย

.

นับว่าเป็นเวลาที่ผ่านมากว่าครึ่งทางแล้ว สำหรับปี 2566 ซึ่งในแง่ก็ตลาดทุนก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่วงที่ความสำคัญและบทบาทไม่น้อยกับตัวเลขของผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่ตัวเลขกำไรนั้น ถือเป็นตัวกำหนดปัจจัยหลายอย่างต่อตลาดทุนและความน่าสนใจ

.

แต่หลายคนที่เฝ้าติดตามก็อาจยังไม่ทราบถึงไทม์ไลน์หรือช่วงเวลาการประกาศตัวเลขดังกล่าว ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลคาดการณ์วันประกาศผลการดำเนินงานของ 10 บริษัทขนาดใหญ่ พร้อมกับคาดการณ์ตัวเลขกำไรไตรมาส 2/66 มาแบ่งปันให้แก่ผู้ที่สนใจ

.

TRUE เริ่มประกาศงบไตรมาส 2/66 วันที่ 27 ก.ค.

โดยมาเริ่มกันที่หนึ่งในผู้เล่นกลุ่มธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมอย่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ที่จะประกาศวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ขณะที่บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มองผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 จะยังคงขาดทุนที่ 356 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 28% และพลิกขาดจากช่วงเดียวกันปีก่อน

.

ทั้งนี้ คำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมายที่ 9.80 บาท เนื่องจากความคาดหวังต่อผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว และคาดว่าจะเห็นผลกระทบของรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนที่ปรับตัวดีขึ้นเข้ามาเต็มไตรมาสสำหรับทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจเน็ตบ้านในไตรมาส 3/66

.

PTTEP ประกาศงบไตรมาส 2/66 ทิ้งทวนเดือน ก.ค.

ถัดมาที่ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ที่จะประกาศในวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ซึ่งสำหรับคาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิที่ 2.10 หมื่นล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า 9% และเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 2%

.

ส่วนคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมายที่ 165 บาท เนื่องจากราคาหุ้นมีอัพไซด์ จากระยะสั้นมีปัจจัยบวกแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ออกมาดีและสูงกว่าที่คาด และคาดราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวในช่วง กรกฎาคม 2566 จากการลดกำลังการผลิตของซาอุฯและความต้องการใช้ของโรงกลั่นเพิ่มขึ้น

ADVANC – CPAXT เปิดต้นเดือน ส.ค. ประกาศงบไตรมาส 2/66

ต่อมาที่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC จะประกาศในวันที่ 7 สิงหาคม 2566 ส่วนคาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินจะอยู่ที่ 7.29 พันล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า 9% และเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 10%

.

ทั้งนี้ จึงให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 250 บาท เนื่องจากการแข่งขันที่เบาลงหลังการควบ รวมจะช่วยหนุนให้กำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากการแข่งขันด้านราคาในธุรกิจมือถือลดลงยังมีการยกเลิกแพ็คเกจ FBB ราคาต่ำ นอกจากนี้คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะยังดีที่ 4% อีกด้วย

.

พร้อมกันนี้ ในวันเดียวกัน บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ก็จะมีการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 ออกมาเช่นเดียวกัน โดยบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกำไรที่ 2พันล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 6% แต่เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 29%

.

ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 45 บาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 จะไม่มีรายการพิเศษที่จะกดดันผลการดำเนินงานแล้ว โดยยังคงมองการฟื้นตัวที่เด่นชัดในครึ่งปีหลัง จากค่าใช้จ่ายทั้งทางการเงินและการดำเนินงานที่ลดลง รวมถึงได้ผลบวกจากการบริโภคที่คาดสูงขึ้นหลังมีความชัดเจนทางการเมือง

OSP สัปดาห์เดียวกัน จ่อประกาศงบวันที่ 9 ส.ค.

ถัดมาในวันที่ 9 สิงหาคม 2566 บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP จะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 ในวันดังกล่าว ซึ่งทางด้านบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คาดกำไรที่ 504 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 35% และลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 16%

.

แต่อย่างไรก็ดี ยังคงให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 35 บาท เนื่องจากแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้นของ OSP ตามอัตรากำไรขั้นต้นที่จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 เพราะแรงกดดันทางด้านต้นทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยจะเป็นปัจจัยกระตุ้นด้านบวกสำหรับราคาหุ้น

.

3 หุ้น CPALL-GULF-INTUCH ควงแขนประกาศพร้อมกันวันที่ 10 ส.ค.

ต่อมาในวันที่ 10 สิงหาคม ก็จะมี 3 หุ้นขนาดใหญ่ที่จะประกาศตัวเลขผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 เริ่มกันที่บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL โดยบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/66 ที่ 4.07 พันล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อหน้า 7.9% และเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 32.9%

.

พร้อมกับให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 73 บาท เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 ที่เติบโตแข็งแกร่ง จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง, ส่วนต้นทุนค่าไฟที่ลดลงจะเริ่มเห็นผลเต็มไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 3/66 และดอกเบี้ยจ่ายลดลงหลัง CPAXT รีไฟแนนซ์เงินกู้เสร็จตั้งแต่ไตรมาส 2/66

.

ถัดมาเป็น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF โดยทางด้านบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/66 ที่ระดับ 3.8 พันล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า 2% และเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 22%

.

ทั้งนี้ ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 60 บาท โดยมีตัวเร่งจากการลงทุนแบบเชิงรุกทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ในระยะยาวมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในไทย เฟส 2 ราว 3.7 กิกะวัตต์ ต่อจากโครงการ 5.2 กิกะวัตต์ คาดเห็นความชัดเจนในปี 2566 และโครงการใหม่ในเวียดนามหลังประกาศ Master Plan VIII

.

และอีกหนึ่งบริษัทก็คือบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ซึ่งทางด้านบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ได้ให้มุมมองแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66 ที่ 2.85 พันล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า 6% และเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 8%

.

พร้อมกันนี้ได้ให้คำแนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายที่ 81 บาท เนื่องจากเป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 4.1% ต่อปี เป็นผลตอบแทนสูงสุดในกลุ่มมือถือโดยในครึ่งปีแรกปี 2566 คาดจะจ่ายที่ 1.4 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ 1.9% และราคาหุ้นในปัจจุบันยังคงซื้อขายต่ำกว่ามูลค่า NAV ที่ถือใน ADVANC และ Invent

.

BDMS ประกาศงบไตรมาส 2/66 ทิ้งท้ายสัปดาห์

ต่อมาที่ตัวท้ายของสัปดาห์ที่สองของเดือนสิงหาคม หรือในวันที่ 11 สิงหาคม 2566 กับ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS โดยบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66 ที่ 2.91 พันล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 16% แต่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 9%

.

ทั้งนี้ ยังคงให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 33.80 บาท เนื่องจากความพร้อมด้านความจุสำหรับให้บริการและมีEcosystemของการให้บริการทางการแพทย์ครบวงจรรองรับการเติบโตระยะยาว รวมไปถึงความได้เปรียบด้านฐานลูกค้ากว้าง ช่วยให้มีผลบวก Economies of scale ของการใช้บริการเพิ่มขึ้น และโอกาสขยายตลาดลูกค้าต่างชาติ

.

BGRIM ประกาศงบไตรมาส 2/66 กลางเดือน ส.ค.

สุดท้ายกับ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ที่จะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2566 หรือในวันที่ 15 สิงหาคม โดยบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินกำไรไตรมาส 2/66 ที่ระดับ 380-400 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องทั้งจากไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันปีก่อน

พร้อมกับให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 46 บาท เนื่องจากราคาหุ้นมีอัพไซด์เพิ่มเติมจากการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในต่างประเทศ และในระยะกลางมีโอกาสเคลื่อนไหวดีกว่ากลุ่ม จากกำไรที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วซึ่งมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง และได้รับความเสี่ยงจำกัดจากนโยบายของรัฐบาลใหม่

 

 

 


eighteen nineteen