3 หุ้นรายใหญ่กลุ่มปิโตรเคมี
เมื่อธุรกิจกำลังเข้าสู่โหมดฟื้นตัว

.
เจอกันอีกเช่นเคย “โพยหุ้น” ประจำวันจันทร์ โดยครั้งนี้ได้รวบรวมความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีในตลาดหุ้นไทยมาฝากนักลงทุนแล้ว ซึ่งได้มีการประเมินว่าผลประกอบการนับจากนี้จะเห็นการฟื้นตัวในทิศทางที่ดี ดังนั้นทั้ง 4 หุ้นใหญ่ในกลุ่มนี้จะมีปัจจัยพื้นฐานเป็นอย่างไร บทความนี้มีคำตอบให้แล้ว
.
มาเริ่มกันที่ PTTGC ภายใต้การประเมินของนักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แม้ปี 2566 ยังเป็นช่วงที่ Spread ปิโตรเคมีอยู่ภายใต้แรงกกดดันจากภาวะอุปทานล้นตลาด และผลประกอบการจะอยู่ในระดับไม่สูง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า Spread ปิโตรเคมี และผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในปี 2565 ไปแล้ว
.
โดยคาด Spread ปิโตรเคมีปี 2566 จะฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนช่วยหนุนความต้องการใช้ปิโตรเคมีฟื้นตัว และทยอยดูดซับปริมาณอุปทานในตลาด ขณะที่คาดว่าผลประกอบการจะพลิกมาทำกำไรในปี 2566 เพราะปัจจัยลบในปี 2565 จะคลายตัวจากทั้งขาดทุน Hedging จำนวนมากไม่เกิดขึ้นซ้ำ , แผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่ลดลง, ปริมาณการใช้วัตถุดิบจากก๊าซเพิ่มขึ้น
.
ดังนั้นเชิง Valuation ราคาหุ้นไม่แพง ทางพื้นฐานจึงมองว่าราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนความอ่อนแอของผลประกอบการ และ Spread ปิโตรเคมีระดับ Low-end ของ Downcycle ไปแล้ว ขณะที่ปี 2566 คาดโมเมนตัมกำไรจะเริ่มเข้าสู่รอบการฟื้นตัว จึงปรับราคาเหมาะสมเป็น 59 บาท คงคำ แนะนำ “ซื้อลงทุน” เชิงกลยุทธ์นักลงทุนอาจทยอยเข้าซื้อช่วงหุ้นอ่อนตัว
.
ต่อกันที่ IVL ภายใต้การประเมินของนักวิเคราะห์บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า แนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานปกติงวดไตรมาส 1/66 คาดจะเห็นการฟื้นตัวจากงวดไตรมาส 4/65 รับปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลสะสมสต๊อกไว้ใช้ในช่วง high season ไตรมาส 2 ของทุกปีอีกครั้ง ส่งผลให้ปริมาณขายน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า อีกทั้งคาดมีโอกาสที่จะบันทึกขาดทุนจากสินค้าคงเหลือลดลง หรืออาจจะบันทึกกลับเป็นกำไรได้
.
อย่างไรก็ตามปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 สะท้อนลดสมมติฐาน EBITDAต่อตัน ตาม spread ที่จะกลับสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานปี 2566 ลดลงมาอยู่ที่ 52 บาท/หุ้น (เดิม 56 บาท) คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ให้รอทยอยสะสมลงทุนหลังจากประกาศงบจะปลอดภัยกว่า โดยจะมีปัจจัยบวกครึ่งแรกของปี 66 จากการฟื้นตัวตามฤดูกาลอีกครั้ง รวมถึงคาดหวังปันผลสม่ำเสมอรายไตรมาสได้
.
ถัดมา IRPC ภายใต้การประเมินของนักวิเคราะห์บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.60 บาท โดยทิศทางผลการดำเนินงานปกติงวดไตรมาส 1/66 คาดจะพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ เนื่องจากไม่มีแผนการปิดซ่อมบำรุงรวมถึง spread ปิโตรเลียมยังอยู่ในระดับที่ดี และ spread ปิโตรเคมีเริ่มขยับตัวจากอานิสงค์จีนกลับมาเปิดประเทศ
.
ส่วนภาพทั้งปี 2566 ยังคงประมาณการภายใต้สมมติฐาน Market GIM ที่ราว 12.5 เหรียญฯต่อบาร์เรล และอัตราการเดินเครื่องโรงกลั่นที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.0 แสนบาร์เรลต่อวัน เพราะไม่มีแผน shutdown โรงกลั่นเช่นที่เกิดขึ้นในปี 2565 มีเพียง shutdown โรงงานปิโตรเคมีปกติ ทำให้แนวโน้มกำไรปกติทั้งปี 2566 น่าจะเห็นการเติบโตสูงมาอยู่ราว 5.4 พันล้านบาท จาก 639 ล้านบาท ในปี 2565