รวมหุ้นฟอร์มหลุด! ที่กระทรวงการคลังยังถือครองอยู่
ความผิดพลาด! เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ไม่มีใครที่จะไม่เคยพบเจอ แม้ความผิดพลาดจะนำพาความเสียใจมากระทบต่อความรู้สึกตัวเราเอง แต่ถ้าผ่านไปได้ ถือเป็นบทเรียนราคาแพง และเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ใครหลาย ๆ คน ประสบความสำเร็จด้วย
ในตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกัน หลาย ๆ บริษัทก็ได้วางเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทตนเอง แต่บางครั้งก็ไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ อาจจะด้วยหลาย ๆ ปัจจัย ดังนั้นแน่นอนว่าการลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่ง สิ่งที่เราคาดหวังนั้น นอกเหนือจากกำไรจากการขาย (Capital Gain) แล้ว ในใจลึก ๆ ต่างก็คาดหวังให้บริษัทนั้น ๆ สร้างผลประกอบการที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง และสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อการลงทุน แต่ในความเป็นจริง หลายต่อหลายบริษัท กลับมีผลตอบแทนหรือผลงานที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราหวัง
หนึ่งในนั้นก็น่าจะมีหุ้นที่ทางกระทรวงการคลังถือครองอยู่ แม้ล่าสุดได้เงินปันผลไปจำนวนมาก แต่ก็มีบางหลักทรัพย์ที่ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ เพราะยังมีผลงานขาดทุนติดต่อกันหลายปี ดังนั้นวันนี้ Wealthy Thai จึงได้หยิบยกประเด็น หุ้นมีผลประกอบการค่อนข้างน่าผิดหวังของกระทรวงการคลังที่ถือครองอยู่ โดยพบว่ามีผลงานขาดทุนติดต่อกันต่อเนื่องจำนวน 4 หลักทรัพย์ จากที่ถือหุ้นทั้งหมด 11 หลักทรัพย์ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1.บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 จำนวน1,113,931,061 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 51.03% (จากข้อมูลปิดสมุดทะเบียน ณ วันที่ 1 เม.ย. 2562) โดย THAI มีผลขาดทุนสุทธิติดต่อกัน 3 ปี ล่าสุดพบว่าสิ้นปี 2562 มีหนี้สินรวม 244,899.44 ล้านบาท ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นได้ปรับลดลงต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยสิ้นปี 2562 เหลือระดับ 11,659.32 ล้านบาท จากปี 2561 อยู่ที่ 20,329.04 ล้านบาท
THAI เป็นสายการบินแห่งชาติที่ดำเนินธุรกิจกิจการการบินพาณิชย์ทั้งเส้นทางบินระหว่างประเทศและภายในประเทศโดยแยกการบริหารออกเป็นธุรกิจหลักคือ ธุรกิจสายการบิน และกลุ่มกิจการสนับสนุนการบินและการขนส่ง
ปี 2560 ขาดทุนสุทธิ 2,107.35 ล้านบาท ปี 2561 ขาดทุนสุทธิเพิ่มมาที่ 11,625.17 ล้านบาท และปี 2562 ขาดทุนสุทธิระดับ 12,042.41 ล้านบาท โดยมีผลขาดทุนสะสมรวม 19,383.39 ล้านบาท
2.บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 จำนวน 452,134,022 หุ้นคิดเป็นสัดส่วน 65.80% (จากข้อมูลปิดสมุดทะเบียน ณ วันที่ 11 มี.ค.63) จากรายงานบนตลาดหลักทรัพย์ฯ ล่าสุด มีผลขาดทุนติดต่อกัน 4 ปี ณ สิ้นปี 2562 มีหนี้สินรวม 1,513.43 ล้านบาท ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นได้ปรับลดลงต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยสิ้นปี 2562 เหลือที่ระดับ 3,215.14 ล้านบาท จากปี 2561 ที่ระดับ 3,654.56 ล้านบาท
MCOT ดำเนินธุรกิจด้านสื่อสารมวลชน ได้แก่ กิจการวิทยุโทรทัศน์ (สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ช่องรายการ 9 MCOT HD) กิจการวิทยุกระจายเสียง (เครือข่ายสถานีวิทยุฯ อสมท) หน่วยงานที่ให้บริการด้านข่าว (สำนักข่าวไทย) และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยบริษัทย่อยเป็นผู้ผลิตรายการ สารคดีโทรทัศน์ และประกอบกิจการด้านบันเทิงทุกประเภท นอกจากนั้นบริษัทยังร่วมดำเนินกิจการกับผู้ประกอบการเอกชนในรูปของสัญญาร่วมดำเนินกิจการ ได้แก่ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสี ช่อง 3 และบริษัท ทรู วิชั่นส์ เคเบิ้ล จำกัด (มหาชน) ดำเนินกิจการโทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิก
ปี 2559 ขาดทุนสุทธิ 734.89 ล้านบาท ปี 2560 ขาดทุนสุทธิ 2,542.35 ล้านบาท ปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 375.72 ล้านบาท และปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 457.46 ล้านบาท (ผลขาดทุนของ MCOT ที่รายงานบนหน้า SET) และมีขาดทุนสะสม 1,327.16 ล้านบาท
3.บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 จำนวน31,200,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 13.81% (จากข้อมูลปิดสมุดทะเบียน ณ วันที่ 18 มี.ค.63) จากรายงานในตลาดหลักทรัพย์ มีผลขาดทุนติดต่อกัน 2 ปี ณ สิ้นปี 2562 มีหนี้สินรวม 2,809.71 ล้านบาท และมีส่วนผู้ถือหุ้นระดับ 4,704.59 ล้านบาท
PDI จะมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทดแทนเป็นหลัก โดยดำเนินงานในรูปแบบ Holding Company ซึ่งลงทุนในกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้า และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และการเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจในโครงการต่าง ๆ ที่มีศักยภาพทั้งในและต่างประเทศ
ปี 2560 มีกำไรสุทธิ 905.28 ล้านบาท แต่ปี 2561 มีผลขาดทุนสุทธิที่ 41.76 ล้านบาท และล่าสุดปี 2562 ผลขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 5.76 ล้านบาท แต่รายได้ก็ลดลงมากเช่นเดียวกันอยู่ที่ 434.16 ล้านบาท เมื่อเทียบปี 2561 ที่มีรายได้ 5,027.05 ล้านบาท โดยมีกำไรสะสม 1,477.07 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2562
4.บริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ NEP กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 จำนวน 295,847,860 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 12.72% (จากข้อมูลปิดสมุดทะเบียน ณ วันที่ 12 มี.ค.63) และจากที่รายงานบน SET ล่าสุดพบว่ามีผลขาดทุนติดต่อกัน 4 ปี โดยสิ้นปี 2562 มีหนี้สินรวม 79.68 ล้านบาท มีส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 731.23 ล้านบาท
NEP ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกรวมทั้งบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น โดยปี 2559 มีผลขาดทุนสุทธิ 70.90 ล้านบาท ปี 2560 มีผลขาดทุนสุทธิ 30.13 ล้านบาท ปี 2561 มีผลขาดทุนสุทธิ 46.69 ล้านบาท และล่าสุดปี 2562 มีผลขาดทุนสุทธิ 52.15 ล้านบาท โดยสิ้นปี 2562 มีขาดทุนสะสม 1,060.34 ล้านบาท
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก