ราคาน้ำมันดิบผันผวนแม้ได้แรงหนุนจากจากการเปิดเมืองในสหรัฐฯ และยุโรป

การระบาดของโควิด-19สายพันธุ์เดลตา ส่งผลต่อการล็อกดาวน์เป็นวงกว้างในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้กลุ่มโอเปกพลัสได้บรรลุข้อตกลงเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่อง เพื่อรับกับความต้องการน้ำมันดิบที่เริ่มกลับมาอีกครั้ง

ราคาน้ำมันดิบ Dated Brent เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เฉลี่ยที่ 73 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้น 4.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยราคาได้แรงหนุนจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงฤดูร้อนเนื่องจากอัตราการติดเชื้อในสหรัฐฯ ยุโรปลดลง รวมถึงกลุ่มโอเปกพลัสคาดการณ์อุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันดิบปี 2564 เติบโตกว่า 6 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเป็นการเติบโตในครึ่งปีหลังกว่า 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่การเจรจาข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านที่หยุดชะงักหลังนายอิบราฮิม ไรซี ผู้พิพากษาฝ่ายอนุรักษนิยมชนะการเลือกตั้ง จึงยังไม่มีความชัดเจนว่าน้ำมันดิบอิหร่านจะออกสู่ตลาดได้เร็วที่สุดในไตรมาสที่ 4 ปีนี้หรือไม่

คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ Dated Brent เดือนกรกฎาคมนี้ที่ระดับเฉลี่ย 74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการคลายล็อกดาวน์ต่อเนื่องในยุโรป โดยประเทศอังกฤษได้คลายล็อกดาวน์ทุกกิจกรรมอย่างเป็นทางการ วันที่ 19 กรกฎาคม อย่างไรก็ตามการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ญี่ปุ่น หรือออสเตรเลียได้กดดันต่อราคาและความต้องการใช้น้ำมันดิบ เนื่องจากหลายประเทศได้ทำการล็อกดาวน์ ขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนยังคงอยู่ในระดับต่ำ

ทั้งนี้ การประชุมกลุ่มโอเปกพลัสที่ยืดเยื้อมาร่วม 3 สัปดาห์ ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมาได้บรรลุข้อตกลงการปรับเพิ่มกำลังการผลิต 5.76 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 ถึงเดือนกันยายน 2565 โดยการเพิ่มกำลังการผลิตนี้จะกลับไปเท่ากับปี 2562 หรือช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ ได้มีการเพิ่มโควต้าการผลิตของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย คูเวต และอิรัก ทั้งนี้ การปรับเพิ่มโควต้าจะทำให้เกณฑ์การผลิตน้ำมันขั้นต่ำของ UAE ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากโควต้าเดิมที่ระดับ 3.168 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียจะเพิ่มขึ้นเป็น 11.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จาก 11 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ประเด็นที่ต้องจับตา คือ การแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด นอกจากนี้ในบางรัฐในสหรัฐฯ ได้ประกาศกลับมาใช้มาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัยภายในอาคารอีกครั้ง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อในอังกฤษหลังจากประกาศเปิดเมือง และยังคงติดตามความคืบหน้าในการเจรจาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านกับประเทศมหาอำนาจ ซึ่งอาจประสบผลสำเร็จส่งผลให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันได้ โดยปัจจุบันอิหร่านผลิต 2.4 ล้านบาร์เรลต่อวันจากที่เคยผลิตได้สูง 3.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงก่อนการคว่ำบาตร

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก