ห้องเม่าปีกเหล็ก

อีพีจีรุกหนัก3ธุรกิจหลัก ทะยานสู่เป้ารายได้1.1 หมื่นล้าน

โดย Durant
เผยแพร่ :
88 views

อีพีจีรุกหนัก3ธุรกิจหลัก ทะยานสู่เป้ารายได้1.1 หมื่นล้าน

 

 

จากการดำเนินธุรกิจมากว่า 38 ปี สำหรับบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)(บมจ.)หรือ อีพีจี ด้วยจุดเริ่มต้นจากการผลิตสินค้าที่ทำจาก ยาง พลาสติก โลหะ สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมประมงเครื่องปรับอากาศ จวบจนปัจจุบันได้กลายเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปร รูปชั้นนำ มีการส่งออกกว่า 100 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ AEROKLAS หรือกระบะไลน์เนอร์ และล่าสุดปีที่ผ่านมาได้เข้ามารุกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้น ด้วยการซื้อกิจการแบรนด์ TJM ผู้ผลิตชุดแต่งสำหรับรถขับเคลื่อน 4 ล้อจากออสเตรเลีย เรียกได้ว่าเป็นการประกาศแนวรุกอย่างเต็มสูบ ซึ่งแผนงานและแนวทางในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น “ดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ “ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจว่าจะไปในทิศทางไหน

 

ภาพรวมกลุ่มบริษัท

บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ อีพีจี มี3ธุรกิจหลัก ได้แก่ แอร์โรเฟลก (AEROFLEX) ผลิตและจำหน่ายฉนวนยางกันความร้อน/เย็น แอร์โรกลาส (AEROKLAS) เป็นอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ และในกลุ่มนี้มีสินค้าเพิ่มมาอีก 1 แบรนด์คือ TJM ที่บริษัทได้เข้าไปซื้อกิจการในออสเตรเลีย ธุรกิจที่ 3คือโพลีแพค หรือ EPP ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม

 

ผลการดำเนินงานช่วงที่ผ่านมา

ไตรมาส 1 มีกำไร 381 ล้านบาท เติบโต 32% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีกำไร 287 ล้านบาท ขณะที่รายได้เติบโต 11 % โดยปัจจัยสนับสนุนมาจาก กลุ่มธุรกิจออโตโมทีฟ แอร์โรกลาส ที่ได้มีการเข้าไปเทคโอเวอร์แบรนด์TJM จากประเทศออสเตรเลีย และมีการป้อนสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ทำให้อัตราการเติบโต 30.9 % ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ธุรกิจในกลุ่มแอร์โรเฟลก มีอัตราการเติบโต 7.48 % โดยมีการส่งออกไปยังตลาดอาเซียน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย จีน อย่างไรก็ตามในกลุ่มตลาดตะวันออกกลางได้รับผลกระทบ ทำให้หดตัวลง สำหรับธุรกิจในกลุ่มนี้เน้นส่งออกเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วน 74 % และจำหน่ายในประเทศ 26 % ส่วน ธุรกิจในกลุ่มที่3 โพลีแพค หรือ EPP ยอดขายเสมอตัว โดยลดลงไปประมาณ 4 % แต่เมื่อดูที่กำไรยังถือว่าไปได้ดี สำหรับกลุ่มนี้ที่ชะลอตัวเป็นผลมาจาก ตลาดหลักอยู่ต่างจังหวัด และกลุ่มลูกค้าได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้สินค้าทางการเกษตรราคาตก ซึ่งบริษัทฯประเมินว่าหากภาคธุรกิจกลับมาฟื้นตัว ก็น่าจะส่งผลให้ธุรกิจในกลุ่มนี้ดีขึ้น

 

แผนงานในอนาคตของกลุ่มธุรกิจต่างๆ

บริษัทฯวางงบลงทุนสำหรับปี 59/60 ไว้ที่ 2 ,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบในการเข้าซื้อกิจการ อาทิ TJM และอีกหนึ่งส่วนจะเป็นการวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ รวมไปถึงพัฒนาศักยภาพการผลิตสินค้า การขยายโรงงาน โดยในกลุ่มธุรกิจที่ 1 มีการวางงบประมาณเบื้องต้น 280 ล้านบาท ที่จะพัฒนาศักยภาพการผลิตโดยใช้เครื่องจักรระบบออโตเมชั่นที่มีความเร็วสูง เพื่อลดต้นทุน โดยจะลงทุนทั้งส่วนของโรงงานในไทยและต่างประเทศ

ขณะที่กลุ่มที่ 2 แอร์โรกลาสและ TJM จากเดิมที่ TJM ผลิตในจีน ได้ย้ายฐานมาผลิตที่เซี่ยงไฮ้ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพสินค้า และภายใน 3 ปีจะโยกการผลิตเข้ามาที่โรงงานในไทย ส่วนในออสเตรเลียยังมีศูนย์อาร์แอนด์ดี และศูนย์ออกแบบสินค้า โดยทิศทางตลาดกลุ่มรถขับเคลื่อน 4 ล้อในไทยมีประมาณ 3 หมื่นคันต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 – 3,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มนี้ชื่นชอบการท่องเที่ยว และต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย ซึ่งจากข้อมูลที่ได้สำรวจพบว่าลูกค้าในไทยจะวางงบประมาณในการตกแต่งรถอยู่ ที่ 1.5 แสนบาทต่อคน ขณะที่ออสเตรเลียนั้น มีการตกแต่งรถและใช้งบกว่า 1 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มที่ 3โพลีแพค หรือ EPP ลงทุนประมาณ 310 ล้านบาท เพื่อตั้งโรงงานแห่งใหม่ในอาเซียน และจะเป็นโรงงานต้นแบบในการผลิตด้วยเครื่องจักรระบบออโตเมชั่นที่มีความเร็ว สูง

 

การทำตลาดของแอร์โรกลาสและ TJM

แอร์โรกลาส มีตัวแทนจำหน่ายกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 300 ร้านค้า และมีช่องทางผ่านโชว์รูมอีก 200 แห่ง ซึ่งการที่ TJM เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแอร์โรกลาสก็จะเป็นการผนึกกำลังกัน เพราะแอร์โรกลาสมีจุดเด่นคือการเป็นผู้ผลิตสินค้าประดับยนต์ อุปกรณ์ตกแต่งที่มีคุณภาพ มีการพัฒนาสินค้าเพื่อจำหน่ายและป้อนโรงงานผู้ผลิตรถยนต์เอง โดยทำการร่วมออกแบบกับผู้ผลิตรถยนต์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า ,มิตซูบิชิ,นิสสัน,ฟอร์ด,มาสด้า ทำให้มีพาวเวอร์และมีกำไรที่ดีกว่า

ด้านช่องทางจำหน่ายก็แข็งแกร่ง ส่วน TJM มีความหลากหลายของตัวสินค้า ซึ่งในอนาคตก็จะมีการต่อยอดร่วมกัน ส่วนเบื้องต้นการทำตลาดในประเทศของ TJM นั้นจะนำเข้าสินค้าอาทิ อุปกรณ์ป้องกัน อย่าง กันชนหน้า-หลัง ,กันชนข้าง ,แผ่นกระแทกใต้ท้องรถ ,อุปกรณ์ชุดช่วงล่าง ,โปรล็อกเกอร์ ,อุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ,สน็อคเกิล,อุปกรณ์กลุ่มแคมปิ้ง
ขณะที่แผนงานขยายเครือข่ายของ TJM คาดว่าจะมี 10 แห่งก่อน แต่ละแห่งจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท เพราะค่าเครื่องมือจะอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านบาท และการก่อสร้าง-ตกแต่งและอื่นๆอีกประมาณ 10 ล้านบาท

 

เป้าหมายในปี 2559

ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตอยู่ที่ 14-25% หรือคิดเป็นรายได้ 1 -1.1 หมื่นล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณที่ผ่านมาที่ทำได้ 8,769 ล้านบาท ส่วนแผน 3-5 ปี บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 10-20% นอกจากนั้นแล้วบริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกและรายได้จากบริษัทฯย่อยและ บริษัทร่วมในต่างประเทศเป็น 70% ในปี 60/61 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 62%

 

วิเคราะห์ตลาดยานยนต์ไทย

สำหรับตลาดรถยนต์และอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยเริ่มดีขึ้น เนื่องจากมีการลงทุน โดยประเมินว่ายอดผลิตน่าจะไปอยู่ในระดับ 2 ล้านคัน ส่วนการขายรถในประเทศอาจจะลดลงบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ดีหากตลาดฟื้นตัวก็อาจจะขายได้ 8 แสนคัน ส่วนตลาดส่งออกก็คาดว่าจะอยู่ที่ 1.2 – 1.3 ล้านคัน ซึ่งหากทำได้ตามที่ประเมินไว้ตลาดก็จะมีความคึกคัก และเมื่อแบ่งสัดส่วนการขายเป็นรถยนต์เซกเมนต์ต่างๆจะพบว่า60% จะเป็นยอดขายที่มาจากรถในกลุ่มกระบะ

 

 

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,191 วันที่ 11 – 14 กันยายน พ.ศ. 2559


Durant