โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ขณะนี้อยู่ในชั้นของการส่งมอบพื้นที่เพื่อการก่อสร้าง เส้นทางรถไฟมีระยะทางรวมตลอดสาย 220 กิโลเมตร โดยส่วนหนึ่งจะใช้โครงสร้างและแนวเส้นทางเดียวกับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแอร์พอร์ตลิงค์ (Airport Rail Link) ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน
อีกส่วนหนึ่งจะเป็นส่วนต่อขยาย 2 ช่วง คือ ช่วงแรกจากสถานีพญาไทไปยังสนามบินดอนเมือง และอีกช่วงหนึ่ง จากสถานีลาดกระบังไปยังสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งจะมีการเชื่อมทางเข้า-ออกสนามบิน โดยใช้เขตทางเดิมของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เป็นส่วนใหญ่
เส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ประกอบด้วย 9 สถานี ได้แก่ สถานีดอนเมือง สถานีบางซื่อ สถานีมักกะสัน สถานีสุวรรณภูมิ สถานีฉะเชิงเทรา สถานีชลบุรี สถานีศรีราชา สถานีพัทยา และสถานีอู่ตะเภา
จะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับการเดินทางระหว่างเมือง 5 สถานี คือจากสถานีสุวรรณภูมิถึงสถานีอู่ตะเภา
และวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับการเดินทางในเมือง 4 สถานี คือจากสถานีดอนเมืองถึงสถานีสุวรรณภูมิ ซึ่งส่วนนี้ใช้แนวเส้นทางเดียวกับแอร์พอร์ตลิงก์
โดยในเดือนตุลาคม 2564 บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสนามบิน จำกัด จะเข้าบริหารจัดการแอร์พอร์ตลิงค์ ตามสัญญาการร่วมทุน ขณะนี้กำลังสำรวจตรวจสอบระบบ อุปกรณ์ ตลอดจนเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ เช่น การปรับปรุงสถานีและบริการ
นอกจากบริการด้านการเดินทางแล้ว โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินยังรวมถึงการพัฒนาพื้นที่รอบสถานี เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟและบริการผู้โดยสาร ที่สถานีมักกะสันของร.ฟ.ท. ประมาณ 140 ไร่ และสถานีศรีราชา ประมาณ 25 ไร่ ที่สามารถพัฒนาในเชิงพาณิชย์ร่วมกับโครงการได้
รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเป็นหนึ่งในโครงการหลักของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ในการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะสร้างประโยชน์หลาย ๆ ด้าน อาทิ
ด้านการคมนาคม
- ประหยัดและตรงเวลา: รถไฟวิ่งตรงเวลา ต้องการรักษาเวลา จึงไม่ต้องกลัวรถติด ในต่างประเทศ การบริหารจัดการรถไฟวัดกันเป็นวินาที ด้วยระบบอาณัติสัญญาณอัตโนมัติมาตรฐานโลก
- คุ้มค่าพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากกว่ารถยนต์และเครื่องบินรวมกัน สิ้นเปลืองพลังงานน้อยมาก ทั้งยังใช้พลังงานสะอาด
- ความปลอดภัยสูง: ด้วยระบบอาณัติสัญญาณ และ Autonomous Train แบบไม่ต้องใช้คนขับ (คนขับรถไฟประจำอยู่ในห้องคนขับ เผื่อกรณีฉุกเฉิน)
- ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน / ใช้หลักปลอดภัยสูงสุด: Crisis Room บริหารงาน 24 ชั่วโมง ป้องกันเหตุ และตอบสนองว่องไว
- ไม่สะดุดเวลาโดยสาร: ขณะนั่งรถไฟสามารถพักผ่อนหรือทำงานไปด้วยได้ ระบบรางมีแรงเสียดทานต่ำ ทำให้ไม่รู้สึกว่ากำลังเดินทางด้วยความเร็วหลายร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง
- คิดแบบ Universal Design: ออกแบบรองรับผู้พิการและกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
- ไปสนามบินแบบไร้รอยต่อ: สามารถเชื่อมต่อกันหลายสนามบิน ช่วยกระจายนักท่องเที่ยวไปทุกสนามบิน และรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
- กระจายความแออัดจากกรุงเทพฯ: ภายใน 10 ปี ระยอง ชลบุรี จะมีความเจริญไม่ต่างจากกรุงเทพฯ เมื่อตลาดใหญ่ขึ้น จะมีการลงทุนมากขึ้น
- แอร์พอร์ตลิ้งค์ในรูปโฉมใหม่: จะมีการพัฒนาบริการรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ เช่น การเพิ่มจำนวนขบวนรถ ที่จอดรถ ความถี่ในการวิ่ง
- ประสานเครือข่ายคมนาคม เชื่อมเมืองหลัก-เมืองรอง: เชื่อมระหว่างเมืองกับเมือง โดยเชื่อมเมืองหลักสู่เมืองรอง กระตุ้นเศรษฐกิจเมืองรอง ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจทั้งประเทศ รถแท็กซี่เมืองรอง สองแถว มอเตอร์ไซค์ รถรับจ้าง จะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นหลายเท่า ธุรกิจอื่น ๆ เช่น ร้านอาหารจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย
- เชื่อมโยงสู่ทุกภูมิภาค: หากรถไฟสามารถเชื่อมภูมิภาคต่าง ๆ เช่น เหนือ ใต้ ออก ตก ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นฮับอย่างแท้จริง
ด้านเศรษฐกิจ
- เกิดการจ้างงานในธุรกิจเกี่ยวข้อง และสร้างอาชีพใหม่ ๆ ที่ต้องใช้ความสามารถสูงขึ้น
- มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ ๆ สู่ประเทศไทย
- การท่องเที่ยวเติบโต
- ภาษีเข้าประเทศ
- มูลค่าเพิ่มการพัฒนาเศรษฐกิจ
- มูลค่าเพิ่มการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก
- ผลตอบแทนทางการเงินต่อภาครัฐ
- ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก
- ทรัพย์สินทั้งหมดตกเป็นของรัฐเมื่อสิ้นสุดสัญญา
เมื่อการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแล้วเสร็จและพร้อมใช้งาน คาดว่าประมาณปี 2568 เราจะได้เห็นมิติใหม่ของการเดินทาง และการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในหลาย ๆ ด้าน เรียกได้ว่าเป็นโครงการแห่งความหวังทางเศรษฐกิจของประเทศที่อีอีซีภูมิใจนำเสนอ