ช่องว่างราคาที่อ่อนล้าปลายแนวโน้มขาขึ้น/ขาลง (Exhaustion Gaps)
เมื่อเส้นแนวโน้มของราคาประกอบด้วย runaway gap มากกว่าหนึ่งครั้ง แสดงว่าแนวโน้มนั้นมีความแข็งแกร่งมาก การมี gap ที่สองและที่สามตามมายิ่งเป็นการย้ำเตือนนักวิเคราะห์เชิงเทคนิคว่าราคาจะพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น runaway gap ที่สองหรือที่สามอาจไม่ใช่ gap สุดท้าย ทั้งนี้ gap ชุดสุดท้ายของ runaway gaps ที่เป็นจุดสิ้นสุดของการเพิ่มขึ้น/ลดลงของราคาจะเรียกว่าช่องว่างราคาที่อ่อนล้าหรือ exhaustion gap (รูปที่ 12-7b) นอกจากนี้ exhaustion gap ยังอาจเกิดขึ้นได้หลังจากราคามีการเพิ่มขึ้น/ลดลงมาแล้วเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
ในทางปฏิบัติ breakaway gap จะปรากฏขึ้นที่จุดเริ่มต้นการเคลื่อนที่ของราคาในแนวโน้ม ส่วน runaway gap จะอยู่ที่ตรงกลางระหว่างทางของแนวโน้ม และ exhaustion gap จะบ่งชี้ว่าเป็นระยะสิ้นสุดของการเคลื่อนที่ในแนวโน้มนั้นๆ ดังนั้น exhaustion gap จึงมีความสัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของราคาที่รวดเร็วและยืดเยื้อและเป็นสัญญาณยุติแนวโน้ม เนื่องจากผู้ซื้อในแนวโน้มขาขึ้นเชื่อมั่นว่าไม่มีโอกาสทำกำไรจากการซื้อระหว่างการปรับฐาน และผู้ขายในแนวโน้มขาลงเองก็เชื่อมั่นว่าการชะลอความรุนแรงไม่ได้ทำให้พวกเขาขาดทุนน้อยลง ซึ่งที่จริงแล้ว ในหนังสือ Profits in the Stock Market ของ H. M. Gartley ก็ได้ระบุว่า exhaustion gaps ในแนวโน้มขาลง มักใช้เวลาในการพัฒนาขึ้นหนึ่ง-สามวันก่อนที่จะถึงรอบการซื้อขาย session ที่เป็นวิกฤตการขาย (selling climax) ที่มีปริมาณการซื้อขายมาก แต่ราคาไม่ไปไหน
การที่จะหา exhaustion gaps บนกราฟไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะตีความได้ยากว่า gap ที่เห็นขณะนั้นเป็น runaway gap หรือไม่ แต่ประการแรกสุดคือถ้า gap พัฒนาขึ้นใกล้กับจุดที่ราคาเริ่มต้นเคลื่อนที่ของแนวโน้มแสดงว่ามันน่าจะเป็น breakaway gap มากกว่า แต่มันจะเป็น exhaustion gaps ก็ต่อเมื่อมันไม่เป็นไปตามกฎ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือมันไม่สามารถเคลื่อนที่ไปถึงราคาเป้าหมายที่ลากออกมาจากจุดที่ทะลุรูปแบบหรือยังไม่สามารถการทำราคาทะลุผ่านเส้นแนวโน้มออกมาได้
ประการที่สองของการดู exhaustion gap คือมันจะมีปริมาณการซื้อขายมากผิดปกติในวันที่ราคาเปลี่ยนแปลง ในกรณีดังกล่าวปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับเดิมเรื่อยๆ ตามลำดับ และบางครั้งราคาจะกลับมาปิดอยู่แถวๆ gap และอยู่ห่างจาก extreme reading ของมันมาก ถ้าในวันถัดมามีการสร้าง “รูปแบบเกาะ Island” พร้อมกับเปิด gap ของวันแยกออกมาอย่างเด็ดขาดจาก gap ของวันก่อนหน้านี้ นี้มักจะเป็นสัญญาณที่ดีว่า gap ของวัน เป็นจุดกลับตัวที่แท้จริง ลักษณะเช่นนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะ exhaustion gap ชั่วคราว แต่มันก็เป็นการส่งสัญญาณอันตรายแก่ผู้ค้าที่ได้รับประโยชน์สูง ว่าพวกเขาควรขายหุ้นทิ้งหรือปิดสถานะของพวกเขาเสีย
ประการที่สามคือ วันที่มี gap หรือหนึ่งรอบการซื้อขายถัดไปอาจพัฒนาขึ้นเป็นกราฟรูปแบบราคา 1 วัน (จะอธิบายไว้ในบทต่อไป) ในกรณีดังกล่าว gap และพฤติกรรมราคาจะส่งเสริมกันและกันเป็นการเพิ่มความน่าจะเป็นว่าจะมีการกลับตัวเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น exhaustion gap ไม่ใช่สัญญาณหลักของการกลับตัวนะครับ เพียงแต่มันช่วยให้เราดูรูปแบบต่อเนื่องบางรูปแบบได้ง่ายๆ เท่านั้น
หากคุณกำลังเฝ้าติดตามดัชนีการแกว่งตัว OSCILLATOR ที่แสดงการซื้อมากเกินไป overbought ในกรณีขาขึ้นหรือขายมากเกินไป oversold ในกรณีขาลง หรือเฝ้าดูดัชนีที่ไดเวอร์เจนท์กับราคาหนึ่งหรือสองตัว คุณก็จะได้ตัวบ่งชี้การขยายตัวมากเกินไปของแนวโน้ม แต่ผมว่าถ้าเอาดัชนีที่พูดถึงนี่มาผสมรวมกันก็มีโอกาสที่จะช่วยกันหา exhaustion gap ได้ดีกว่าการใช้ดัชนีการแกว่งตัวที่อยู่ในเขต neutral reading เพียงอย่างเดียว
Edwards และ Magee ชี้ว่า runaway gaps มักจะถูกเปิดทิ้งไว้เป็นเวลานานและโดยปกติแล้วจะต้องมีแนวโน้มในระดับปานกลางหรือแนวโน้มหลักในทิศทางตรงกันข้ามกับ gap ก่อนที่จะปิดได้ แต่ในทางกลับกัน เนื่องจาก exhaustion gap เป็นอินดิเคเตอร์บอกการสิ้นสุดแนวโน้ม มันจึงมักปิดได้ภายในไม่กี่รอบการซื้อขาย พฤติกรรมแบบนี้เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่า gap ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ measuring gap หรือ continuation gap อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของ exhaustion gap เหล่านี้เป็นแค่ทำให้แนวโน้มปัจจุบันชะงักชั่วคราวหรือเป็นแค่การกลับตัวในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ไม่ใช่สัญญาณการกลับตัวของแนวโน้มหลัก) ถึงมันมีมีโอกาสที่ exhaustion gap จะปรากฏขึ้นในจุดกลับตัวหลักแต่นั่นก็เป็นเรื่องบังเอิญเสียมากกว่า ดังนั้นเราควรใช้เครื่องมืออื่นเช่นอินดิเคเตอร์ประเภทโมเมนตัมระยะยาว เพื่อระบุการกลับตัวของแนวโน้มหลัก
ประการสุดท้าย ในบางครั้งเราจะเรียก exhaustion gaps ว่าเป็น wide gaps เพราะมันมีแนวโน้มที่จะกว้างกว่า runaway gaps ซึ่งก็เหมือนกับปริมาณการซื้อขายหนาแน่นหรือเบาบางนั่นเอง กราฟแท่งที่ "กว้าง" จะสามารถระบุได้เฉพาะที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของกราฟแท่งก่อนหน้าเท่านั้นและเป็นเรื่องที่ต้องใช้การตัดสินใจและประสบการณ์ส่วนตัว
Chart 12-18 ของ Apple แสดงว่ามี gap ที่กว้างมากในช่วงต้นเดือนสิงหาคมและมีปริมาณการซื้อขายหนาแน่นมารองรับ พอวันรุ่งขึ้นก็มีการเปิด gap ขนาดเล็กมากและทำการปิด gap ได้ในทันที ทั้งนี้ gap ที่เปิดและปิดอย่างรวดเร็วหลังจากราคาเคลื่อนที่บนแนวโน้มมาเป็นระยะเวลานาน ถือว่าเป็นสัญญาณแรกของความอ่อนล้า ซึ่งภายในช่วงสองรอบการซื้อขายก็จะเห็นว่า gap กว้างอันเก่าที่อยู่ต่ำกว่าก็ถูกปิดลงเช่นกัน นี่ยิ่งเป็นการยืนยันสัญญาณของความอ่อนล้าที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
Chart 12-18 ราคารายวันของ Apple
Chart 12-19 ของ Adobe แสดง gap สองประเภท การไล่ราคาเริ่มต้นพร้อมกับ breakaway gap ที่มีปริมาณการซื้อขายพอควร จากนั้นก็มีความพยายามที่จะปิด gap แต่ก็ล้มเหลวซึ่งถือว่ามันยืนยันการทำราคา new high จากนั้นราคาก็ไล่จาก runaway gap ขึ้นไปสูงจนเกือบเท่าระยะของราคาเป้าหมายที่วัดได้ ในกราฟจะมีการเปิด gap เล็กๆ อีกอันหนึ่งก่อน ซึ่งนี่คือ exhaustion gap เพราะมันทำราคาลงมาปิด gap อย่างรวดเร็วแค่หนึ่งรอบการซื้อขายถัดไป ทั้งนี้กราฟในวันที่มีการปิด gap ของวัน จะเรียกว่า outside bar ซึ่งในบทที่ 13 จะพูดถึงมันในฐานะที่เป็นฐานะที่เป็นสัญญาณการกลับตัว
Chart 12-19 ราคารายวันของ Adobe ในระหว่างปี 1997-1998
Exhaustion gap ครั้งที่สองจะพัฒนาขึ้นที่ส่วนขวาสุดของกราฟ ซึ่งยืนยันได้จากการที่ราคาทะลุขึ้นไปอยู่เหนือฐานขนาดเล็กและปิด gap ได้อย่างสมบูรณ์ภายในไม่กี่รอบการซื้อขาย