ห้องเม่าปีกเหล็ก

ไทยสะเทือน เวียดนามตั้ง ระเบียงเกษตรปากน้ำโขง 4 ก.ค.65-ข่าวอาเซียน

โดย หญิงแม้น
เผยแพร่ :
61 views
ไทยสะเทือน เวียดนามตั้ง
ระเบียงเกษตรปากน้ำโขง
4 ก.ค.65-ข่าวอาเซียน
 
 
นายกรัฐมนตรีฟาม มินห์ จิ๋นห์ แห่งเวียดนาม ได้ลงนามในแผนปฏิบัติการแห่งชาติ มติที่ 13 พัฒนาพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงหรือ mekong delta ครอบคลุมทั้งการฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคมและปรับปรุงความมั่นคงของชาติในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งการประกาศมติที่ 13 นี้ กระทำผ่านที่ประชุมคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม หรือ Politburo ที่จะนำไปใช้เป็นแผนหลักในการพัฒนาประเทศ ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2030 หรือปี 2573
หัวใจหลักของมติที่ 13 นี้คือ การปรับโครงการการเกษตรกรรม ในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของเวียดนาม ให้กลายเป็นระบบฟาร์มเฉพาะ และสร้างชุมชนเมืองในจังหวัดสำคัญ ยกระดับการทำธุรกิจให้ทันสมัย
มติที่ 13 กำหนดให้ยกระดับเมืองสำคัญๆ แบ่งกันทำหน้าที่แต่เชื่อมโยงกัน เช่น
 
- เมืองเกิ่นเทอ (Cần Thơ ) ยกระดับขึ้นเป็น “ศูนย์กลางการเกษตร”
- เมือง เห่าซาง (Hậu Giang) ยกระดับขึ้นเป็น “ศูนย์กลางโลจิสติกส์”
- เมืองด่งทับ (Đồng Tháp) ยกระดับเป็น “ศูนย์กลางผลิตภัณฑ์พืชน้ำ
ผลไม้และข้าว”
- เมืองเกี่ยนซาง เมืองกาเมา เมืองซ็อคจาง( Kiên Giang- Cà Mau- Sóc Trăng) ยกเป็นศูนย์กลางผลิตอาหารทะเล
- เมืองเตี่ยนซาง เมืองเบ่นเช ( Tiền Giang -Bến Tre) เป็นศูนย์กลางผลไม้และธัญพืช
แผนปฏิรูปสามเหลี่ยนปากแม่น้ำโขง มีเป้าหมายที่จะยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโต โดยนำเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นวตกรรม มาใช้บนหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจสีเขียว และเศรษฐกิจหมุนเวียน ให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ รักษาสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม และประชาชน
เมืองหลักทางภาคใต้ ของเวียดนาม จะกลายเป็นเมืองที่ชาวอาเซียนต้องจดจำ เช่น เมืองเกิ่นเทอ จะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางของพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เมืองรองลงไป จะได้รับการยกระดับในการพัฒนา เป็นเมืองเฉพาะทาง เช่น
 
เมืองหมี่เทอ Mỹ Tho
เมืองเติ่นอาน Tân An
เมืองหล่องเซียน Long Xuyên
เมืองสักซา Rạch Giá,
เมืองกาเมา Cà Mau
เมืองซ็อคจาง Sóc Trăng
 
มติที่ 13 นี้ยังครบคลุมการพัฒนาเกาะฟูก็วก ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ คุณภาพสูงเพื่อรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก และฟูก๊วกจะเป็นศูนย์กลางการบริการด้านการท่องเที่ยวทางทะเลแห่งชาติและเชื่อมโยงการท่องเที่ยวต่างประเทศ เช่นการจอดและรับเรือสำราญขนาดใหญ่
ส่วนที่เมืองอ่านซาง (An Giang) เมืองชายแดนติดต่อกัมพูชา ซึ่งมีการค้าชายแดนด้านการเกษตรเติบโตต่อเนื่อง จะได้รับการพัฒนาเป็น เขตเศรษฐกิจ ที่จะกำหนดให้มีสิทธิพิเศษสำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเน้นการพัฒนาการค้า ภาคบริการ การท่องเที่ยว การพัฒนาเมือง การพัฒนาป่าไม้การเกษตร และการประมง
ผลจากมติที่ 13 พื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง จะได้รับสิทธิพิเศษจากรัฐบาล ในการได้รับงบประมาณเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เมืองทั้งหมด เป็นเมืองทันสมัยระบบดิจิทัล ใช้เทคโนโลยี และปรับการพัฒนาให้สอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศ โดยให้พื้นที่เมืองที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นระเบียงเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเมือง ตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจเติบโตปีละ 6.5-7 เริ่มตั้งแต่ปี 2564-2573
สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงหรือ mekong delta เป็นพื้นที่ ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในอาเซียน และติดอันดับโลก เหมาะแก่การเป็นพื้นที่ ทำการเกษตรอาหาร และเวลานี้เวียดนามได้เพิ่มพื้นที่ปลูกทุเรียน ที่บริเวณนี้เพิ่มมากขึ้น ในจังหวัดบินห์เซืองและบินห์ฟูุก เว็บไซต์ vietnamplus รายงานว่า เวียดนามกำลังเจรจาขอส่งออกทุเรียนไปจีนอย่างเป็นทางการ และคาดว่าจะส่งออกได้ภายในปี 2565 นี้
สำหรับไทยแผนการของเวียดนาม นับได้ว่าเป็นคู่แข่งโดยตรง เพราะมีการพัฒนาที่ใกล้เคียงกันเพราะไทยได้กำหนด พื้นที่ 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยอง เป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ถูกกำหนดให้พัฒนา 3 ส่วน คือ 1.ภาคอุตสาหกรรม 2.ภาคการท่องเที่ยวและบริการ 3.ภาคการเกษตร
นอกจากนี้ อีอีซียังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย มุ่งหวังให้เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ โดยชูพัทยาเป็นเมืองเด่น เช่นเดียวกับที่เวียดนามชูเกาะฟูก๊วก โดยไทยมีแผนการจัดตั้งท่าเรือท่องเที่ยว รับเรือสำราญในภูมิภาค รวมทั้งสร้างธุรกิจ MICE ศูนย์กลางการจัดประชุมและการจัดนิทรรศการ
นอกจากนั้นรัฐบาลไทยได้ประกาศให้ EEC จัดแบ่งคลัสเตอร์ทางการเกษตรให้ชัดเจน เช่น
 
1.คลัสเตอร์ประมง
2.คลัสเตอร์ผลไม้
3.คลัสเตอร์พืชสำหรับอุตสาหกรรมชีวภาพ
4.คลัสเตอร์พืชสมุนไพร
5.คลัสเตอร์ปศุศัตว์มูลค่าสูง
ทั้งหมดนี้เพื่อเน้นการผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าเพิ่มเพื่อการส่งออกเช่นเดียวกันเวียดนาม
 

หญิงแม้น