ห้องเม่าปีกเหล็ก

นักวิเคราะห์ชี้! เหตุการณ์ปิดแบงก์ที่สหรัฐฯ ไม่กระทบธนาคารในไทย

โดย me too
เผยแพร่ :
194 views

นักวิเคราะห์ชี้! เหตุการณ์ปิดแบงก์ที่สหรัฐฯ

ไม่กระทบธนาคารในไทย

หลังมีปริมาณเงินกองทุนแข็งแกร่ง

 

.

อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ที่เร่งตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจชัดเจนมากขึ้น โดยเริ่มจากกลุ่มธนาคาร ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีธนาคาร 3 แห่งของสหรัฐฯ ที่ประกาศยุติกิจการและถูกสั่งปิดการดำเนินงานจากทางการสหรัฐฯ เนื่องจากประสบปัญหาด้านสภาพคล่อง คือ ธนาคาร Silvergate หลังประสบปัญหาการปล่อยกู้ให้กับธุรกิจ Cryptocurrency ไม่ว่าจะเป็น Coinbase , Micorstrategy , FTX

.

รวมถึงธนาคาร Silicon Valley (SVB) ที่กระทบถึง Coinbase และ USDC – US Stable coin Cryptocurrency ส่งผลให้เกิดภาวะ Bank Run (ผู้ฝากเงินแย่งกันถอนเงินฝากในระยะเวลาสั้น) ตามมา และล่าสุดเช้าวันนี้ (13 มี.ค. 66) ธนาคาร Signature ถูกสั่งปิดกิจการตามคำสั่งของหน่วยงานด้านการกำกับกิจการประจำรัฐนิวยอร์ก เพื่อป้องกันวิกฤตการธนาคารที่ลุกลาม

.

จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นทั่วโลก และปัญหาการด้านสภาพคล่องทางการเงินที่ส่งผลกระทบต่อธนาคารสำคัญของสหรัฐฯ ทั้ง 3 แห่ง ทำให้เกิดความกังวลว่า ปัญหาดังกล่าวจะลุกลามมาจนถึงธนาคารภูมิภาคเอเชียและธนาคารไทยหรือไม่ รวมถึงจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากน้อยแค่ไหน

.

แบงก์ไทยแข็งแกร่ง ความเสี่ยงต่ำ

โดยนายตฤณ สิทธิสวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มองหุ้นธนาคารไทยมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายในลักษณะเดียวกับ SVB ต่ำมาก เนื่องจากมีสัดูส่วนของธุรกิจที่เป็น Tech Start-Up ไม่มาก และยังเน้นดำเนินธุรกิจกับลูกค้าที่เป็นอุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น ธุรกิจการเงิน (25.3% ของสินเชื่อทั้งระบบ), อสังหาฯ (14.5% ของสินเชื่อทั้งระบบ) และกลุ่มการผลิต (12.3% ของสินเชื่อทั้งระบบ) นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในไทยยังอยู่ในระดับ 1.5% ใกล้เคียงกับช่วงก่อน COVID-19 แตกต่างจากสหรัฐฯ ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายเร่งตัวขึ้นสูงจนแตะระดับ 4.5-4.75% ใกล้เคียงกับช่วงวิกฤต Subprime

.

ทำให้เรามองว่าช่องทางการกู้เงินจากธนาคารหรือการออกหุ้นกู้ในไทยยังมีประสิทธิภาพและเป็นแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการไทยได้ โดยที่ไม่จำเป็นที่ภาคธุรกิจจะเร่งถอนเงินสดและสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อใช้เป็นเงินทุนในการทำธุรกิจเหมือนในกรณีที่เกิดขึ้นกับ SVB ส่วนผลกระทบที่จะส่งผ่านมายังไทยก็จำกัดเช่นกัน เพราะธนาคารไทยเน้นดำเนินธุรกิจในไทยและเอเชียเท่านั้นอีกหนึ่งประเด็นที่ตลาดให้ความสำคัญคือความเสี่ยงจากการที่ธนาคารจะรับรู้ผลขาดทุนจาก

.

สำหรับการถือครองตราสารหนี้ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น เรารวบรวมการถือครองตราสารหนี้ของแต่ละธนาคารภายใต้ Coverage ของเราไว้ โดยพบว่ากลุ่มธนาคารไทยมีสัดส่วนการถือครองตราสารหนี้ทียบกับสินทรัพย์รวมในปี 2565 เพียง 14.2% เทียบกับกรณีของ SVB ที่มีสัดส่วนดังกล่าวสูงถึง 55% อีกทั้งกว่า 38% ของการถือครองตราสารหนี้จะเป็นการถือจนครบกำหนด (Hold to Maturity) ซึ่งจะไม่ถูก Mark to Market และไม่ได้รับผลจากการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ย

.

นอกจากนี้ เราได้รวมข้อมูลผลขาดทุนจากการถือครองตราสารหนีทีมีการตีมูลค่าผ่านงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ (FVTOCI) ของแต่ละธนาคารไว้ในตารางที่ 2 ซึ่งเป็นผลขาดทุนจากการถือครองตราสารหนี้ที่ยังไม่รับรู้เข้ามาในงบกำไรขาดทุนจนกว่าจะมีการขายสินทรัพย์ดังกล่าวจริง (Unrealized Loss) พบว่ามีจำนวนรวมเพียง 14,408 ลบ. คิดเป็น 7.2% ของประมาณการกำไรกลุ่มในปี 2566 ที่ 199,887 ลบ. ในกรณีที่ถูกรับรู้เข้ามาในงบกำไรขาดทุนฺทั้งหมด ซึ่งความเสี่ยหายที่เกิดขึ้นจริงจะน้อยกว่าตัวเลขดั่งกล่าว เพราะการขายตราสารห์นี้จะขึ้นอยู่กับนโยบายบริหารสินทรัพย์และหนี้สินของแต่ละธนาคาร โดยปกติจะใช้วิธีทยอยขาย ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ในปีเดียว นอกจากนี้บริษัทอาจเลือกไม่ขายตราสารหนี้และถือครองจนครบกำหนดแทน เพื่อไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนดังกล่าว

.

ทั้งนี้ จุดแข็งของธนาคารไทยอีกหนึ่งอย่างคือปริมาณเงินกองทุนทีอยู่ในระดับทีแข็งแรง เราประเมินผลขาดทุนจากการถือครองตราสารหนี้ที่มีการตีมูลค่ำผ่านงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ (FVTOCI) จะส่งผลต่อเงินกองทุนน้อยมากเพราะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.1-3.6% ทำให้เรามั่นใจในสภาพคล่องและความแข็งแรงทางการเงินของธนาคารไทย

.

อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองบวกและให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร "มากกว่าตลาด" โดยมีปัจจัยหนุนในช่วงสั้นจากแนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาส 1/66 ที่คาดทรงตัวจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่โตเด่นจากไตรมาสก่อนหน้า หลังหลายธนาคารผ่านการตั้งสำรองจำนวนมากไปแล้ว และได้อานิสงค์บวกจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มอีก 2 ครั้งในช่วงต้นปีนี้ เลือก BBL ราคาเป้าหมาย 190 บาท เป็น Top Pick ของกลุ่ม เนื่องจากมีความแข็งแรงของพอร์ตสินเชื่อสูงและมีความสามารถในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ได้เร็ว รองลงมาเลือก KBANK ราคาเป้าหมาย 187 บาท ซึ่งคาดกำไรฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 1/66 และจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อในพอร์ตเสร็จสิ้นไปแล้ว

.

คาดกระทบหุ้นไทยจำกัด

ส่วนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยนั้น นักวิเคราะห์จากบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า กระแส SVB Bank ล้มละลาย กดดันตลาดหุ้นโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยผันผวนในช่วงนี้ แต่คาดว่ากระทบต่อตลาดหุ้นไทยจำกัด สะท้อนได้จากการเกิดปัญหาเกิดจากดอกเบี้ยสหรัฐ ถูกเร่งขึ้นมาเร็วกว่า 4.25% ในช่วง 1 ปีจาก 0.5% จนล่าสุดอยู่ที่ 4.75% ขณะที่ดอกเบี้ย ไทย ธปท. ปรับขึ้น 1% ในช่วง 1 ปีจาก 0.5% ล่าสุดอยู่ที่ 1.75% ต่ำกว่าสหรัฐมาก ทำให้ ประสบปัญหาการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและต้นทุนการเงินที่น้อยกว่าสหรัฐมาก

.

ขณะที่ผลกระทบทางตรง เบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯ ทำการค้นหาว่า SVB ถือหุ้นใดในบริษัทจด ทะเบียนไทยบ้าง ซึ่งยังไม่เห็น SVB Bank ติดรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ในหุ้นไทย แต่ในอีกมุม เห็นมี ETF ที่มีการลงทุนใน SVB Bank ได้แก่ KRE etf 2.34% , XLF etf 0.41% และ กองทุนในประเทศไทย ได้แก่ KT-FINANCE , TUSFIN , ONE-GLOBFIN , KWI-USBANK , BFINTECH เป็นต้น

.

จับตาเงินบาทแข็งค่า ดึงฟันด์โฟลว์ไหลเข้า

ดังนั้น ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนตามสหรัฐในช่วงนี้ แต่ในอีกมุมเสถียรภาพทางการเงินสหรัฐที่ลดลง กดดันให้ค่าเงินสหรัฐที่พลิกกลับมาอ่อนค่า และค่าเงินในเอเชียรวมถึงบาทที่พลิกกลับมาแข็งค่าต่ำกว่า 35 บาทต่อเหรียญอีกครั้ง หนุนต่างชาติที่ลงทุนในไทยมีโอกาสได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และตัดสินใจย้ายเม็ดเงินจากสหรัฐบางส่วนกลับมาสะสมตลาดหุ้นไทยบ้าง ภายใต้ดัชนีที่ต่ำกว่า 1610 จุด

.

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำถือเงินสดบางส่วน 10 –20% ส่วนหุ้นที่อาจผันผวนในช่วงสั้น คือ หุ้นกลุ่ม BANK, TECH แต่หุ้นที่น่าจะได้รับความสนใจมากขึ้น คือ หุ้นกลุ่ม Real Sector อย่างกลุ่มอาหาร ค้าปลีก รับเหมาฯ โรงไฟฟ้า รวมถึงกลุ่มพลังงานที่ได้ประโยชน์จากดอลลาร์อ่อนค่า นอกจากนี้นักลงทุนน่าจะกลับมาโฟกัสเลือกหุ้นที่งบดุล แข็งแกร่งมากขึ้น

.

ด้านนักวิเคราะห์จากบล.ธนชาต ระบุว่า จากกรณี Silicon Valley Bank (SVB) และ Signature Bank ถูกทางการสหรัฐฯ สั่งปิด เนื่องจากประสบปัญหาด้านสภาพคล่อง ซึ่งเป็นธนาคารปล่อยกู้รายใหญ่ให้กับบริษัท Startup รวมถึงกลุ่ม Crypto เตรียมประกาศล้มละลาย กระทบต่อหลายฝ่าย และความเชื่อมั่นของกลุ่มธนาคาร

.

อย่างไรก็ดี ล่าสุด Fed ได้ประกาศเข้าคุ้มครองเงินฝากประชาชน และยืนยันว่า ผู้ที่ฝากเงินใน SVB และ Signature bank สามารถเข้าถึงเงินฝากได้เต็มจำนวน Fed จะปล่อยเงินกู้ให้กับสถาบันการเงิน 1 ปี โดยแลกกับสินทรัพย์ค้ำประกัน อย่าง พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ MBS มองการที่ Fed ออกมาช่วยเหลือ และสร้างความเชื่อมั่น ช่วยคลายความกังวลลงไปได้บ้าง หนุน Dow Jones Futures ดีดตัวกว่า 300 จุดเช้านี้

 

 


me too