ห้องเม่าปีกเหล็ก

ส่องผลงาน “กลุ่มออริจิ้น”

โดย เม่าคาวบอย
เผยแพร่ :
326 views

ส่องผลงาน “กลุ่มออริจิ้น”

เติบโตไม่หยุด ! โบรกฯ คาดกำไรพุ่งกว่า 100%

 

.

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ทั้งในแง่ของจำนวนโครงการที่เปิดใหม่และความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรม ซึ่ง “กลุ่มออริจิ้น” เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลบวกดังกล่าวด้วย ทีมงาน Wealthy Thai จึงมีแนวโน้มผลประกอบการปี 2565 ของหุ้นในกลุ่มออริจิ้น 3 บริษัท ได้แก่ ORI, BRI และ PRI มานำเสนอ

.

มาเริ่มกันที่ ORI หรือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) โดยบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ของ ORI ที่ 1,009 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน 5 โครงการ JV คาด Norm. profit ที่ 944 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 34% จากไตรมาสก่อนหน้า จากการโอนที่เพิ่มขึ้นในส่วนของโครงการ JV และรับรู้ management fees เพิ่มขึ้น ภายหลังเปิดโครงการ JV อย่างมาก

.

ในด้านการโอนและอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดต่ำกว่าที่คาด เพราะโครงการใหม่เสร็จช้ากว่าแผน แต่ได้รายได้และกำไรส่วนอื่นมาช่วย จึงทำให้กำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ยังเป็นไปตามที่คาดเดิม ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 3.75 พันล้านบาท เติบโต 17% จากปีก่อน ถึงแม้ทำ new high ได้ อย่างไรก็ตาม คาด Norm. profit ที่ 2.8 พันล้านบาท โต 6% จากปีก่อน และไม่ได้ทำ new high ได้อย่างที่คาดไว้เดิม

.

โดยคงคำแนะนำ เก็งกำไร ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 12.50 บาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น ORI ที่เพิ่มขึ้นมาในช่วงก่อนหน้า น่าจะสะท้อนความคาดหวังของกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ไปมากแล้ว ซึ่งในแง่ Norm. profit มองว่าต่ำกว่าที่คาดจึง “แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว” โดยข้อดีของ ORI คือมี backlog รอโอนมากสุด จากการเปิด condo ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงธุรกิจ low-rise (ภายใต้ BRI) และ service income (ภายใต้ PRI) ยังโตสูง ทำให้แนวโน้ม Norm. profit ปี 2566 มีโอกาสทำ new high ได้

.

ส่วน BRI หรือ บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดไตรมาส 4/65 กำไรสุทธิที่ 416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176.7% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และ 25.7% จากไตรมาสก่อนหน้า เติบโตเด่นจากกำไรในการจัดตั้งบริษัทร่วม (Share premium) กับพันธมิตรคือ ES CON Japan เพื่อลงทุนในโครงการ JV “Britania บางนา กม. 39” คาดที่ 94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 9.2% และเป็นแหล่งที่มาของกำไรใหม่ เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 4/64 ที่ยังไม่มีการดำเนินธุรกิจในลักษณะ JV

.

แม้บริษัทได้ทำการเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการในไตรมาส 4/65 คือ Britania ขอนแก่น และBritania อยุธยา รวมมูลค่า 2.6 พันล้านบาท ไปยังปี 2566 เป็นผลให้ยอดเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงดังกล่าวมีจำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการรวมมูลค่า 4.3 พันล้านบาท แต่ยอดเปิดตัวโครงการทั้งปี 2565 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 54.8% และเป็นจุดสูงสุดใหม่ของบริษัทในด้านยอดขาย

.

ทั้งนี้ คาดบริษัทจะรายงานยอด Presale ไตรมาส 4/65 ที่ 3.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.3% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และ 12.7% จากไตรมาสก่อนหน้า ทำจุดสูงสุดรายไตรมาสในทิศทางเดียวกับยอดโอนกรรมสิทธิ์ซึ่งจะเป็นผลให้ยอด Presale ทั้งปี 2565 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 31.9% จากปีก่อน ทำจุดสูงสุดใหม่เช่นกัน

.

หากกำไรไตรมาส 4/65 ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์จะเป็น Upside risk ต่อประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ราว 9% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 13.10 บาท หากมองภาพประกอบกับแนวโน้มการเติบโตจึงถือว่าถูกเป็นอันดับต้นๆของกลุ่ม นอกจากนี้ คาดเงินปันผลงวดปี 2565 ที่ 0.65 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่สูงถึง 5.9%

.

และสุดท้าย PRI บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดกำไรปกติปี 2565 ที่ 217 ล้านบาท เติบโต 95% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. รายได้ Pre-Living (สัดส่วน 16%) จากการขยายธุรกิจให้บริการงานออกแบบสถาปัตยกรรมการในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2565

.

2.รายได้ Living (สัดส่วน 40%) จากรายได้นายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์จากการขยายขอบเขตงานไปยังการให้บริการนายหน้าที่ดินและบริการจัดหาผู้ร่วมลงทุน และ 3. รายได้ Living & Earning (สัดส่วน 44%) เนื่องจากบริษัทมีจำนวนลูกค้าออกแบบตกแต่งภายในที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์จึงประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ของ PRI ที่ 18.50 บาท แนะนำ ซื้อ

 

 


เม่าคาวบอย