1. ถามคุณโจ มองหุ้นไทยปี63อย่างไร
อ โจ บอกว่าต้องท้าวความเรื่องถามคำถามแบบเดิมมาสองปี
และแพ้ตลาดมาสองปีแต่ไม่ค่อยเยอะ รู้สึกลำบากใจ
จริงๆแล้วเป็นเรื่องปกติ
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เซียนหุ้นเน้นคุณค่า ก็มีปีที่ไม่ดี บางช่วงแพ้ติดต่อกัน2-3ปี
2. ตลาดหุ้นดีไหม พูดตรงๆก็ไม่มีใครรู้
ปีนี้คิดว่าสงครามการค้าจบแล้ว น่าจะลงทุนแบบไม่ผันผวน
ปรากฏว่าทรัมป์สั่งโดรนยิงผู้บัญชาการทหารของอิหร่านเสียชีวิต
ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิด
แต่กำไรขึ้นกับบริษัทที่เราลงทุน
ปี2018 ผลตอบแทนของพอร์ตหุ้น -10% ปีที่แล้วบวก4%
แต่เซียนวีไอต่างกัน ปีที่แล้ว กำไรของพอร์ตเยอะสุด
เราใช้ความรู้วิเคราะห์และเลือกหุ้น ก็ได้ผลตอบแทนที่ดี
เปรียบกับฝุ่นpm2.5 ไม่ได้เปลี่ยนทันทีทันใด
หุ้นไม่สนว่ามีการเปลี่ยนปี ปกติจะเปลี่ยนแปลง แต่ขึ้นกับวงจรเศรษฐกิจ
ประการนึง สิ่งที่น่าจะดีขึ้น ได้แก่
1. งบประมาณปี63 ผ่านแล้ว
2. การลงทุนภาครัฐเริ่มแล้ว ถือเป็นแสงสว่างภาคเล็กๆ
แต่การส่งออก ท่องเที่ยว ก็ยังเหนื่อย
การเกินดุลเยอะ ก็ยากที่ค่าเงินบาทจะอ่อน
ช่วยกันเที่ยวต่างประเทศเยอะๆ จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อน
ตอนนี้คนไทยไปช่วยญี่ปุ่นเยอะโดยไปเที่ยวกันที่นั่น
วิธีแก้เพื่อให้บาทอ่อน คือ การย้ายเงินลงทุนไปต่างประเทศ
นักลงทุนวีไอพอร์ตใหญ่ก็ไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะ ผลตอบแทนดีมากในปีที่แล้ว
เช่น ผลตอบแทนใน US 30% ,China 20%กว่า และ EU 30%กว่า
3. ดร นิเวศน์ ตอบข้อคำถามว่ามีส่วนทำให้เงินบาทแข็งหรือเปล่า
ดร ตอบว่า ปีที่แล้ว มีหลานก็เลยไม่ค่อยได้ไปเที่ยวต่างประเทศ
ส่วนเรื่องการลงทุน
ไม่มีการลงทุนในต่างประเทศในปีที่แล้ว มีเอาเงินกลับมานิดหน่อย
ผลตอบแทนในสองปีที่ผ่านมา ตัวเลขผลตอบแทนในไทย สูสีกับตลาด
เมืองนอก ผลตอบแทนก็ไม่ค่อยดี
ผลตอบแทนทบต้นที่ผ่านเฉลี่ย10% แต่ผลตอบแทนของตลาดประมาณ 2% ถือเป็นช่วงที่ลำบากมาก
ต้นปีส่วนใหญ่จะคึกคัก แต่ปลายปีดัชนีก็ตกลง
วันนี้ profileคนมาร่วมงานของ MoneyTalk ด้านหลังผู้ชม เริ่มแปลกตา และดูหนุ่มขึ้น
ถ้ามาแบบตั้งใจ แสดงว่าตลาดน่าจะคึกคัก
การที่เศรษฐกิจดีหรือไม่ดี ไม่เกี่ยวกับตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นมีรอบในการวิ่ง บางช่วงมีความหวังก็ขึ้นมา
หมดหวังก็ตกลง เจ็ดปีที่ผ่านมา ตอนนี้เริ่มหมดหวัง
แต่จากการศึกษาในเมืองนอก
ตลาดหุ้นในสหรัฐ นักวิชาการ บอกว่า ตลาดหุ้นขึ้นลงจากปัจจัยพื้นฐาน
แต่จริงๆเศรษฐกิจ เดินไปด้วยของคนและเรื่องต่างๆ
ตรวจสอบดูพบว่า บางช่วง 7ปีหรือ 10ปีขึ้นตลอด
บางช่วง 7-10ปี ลงตลอด
แต่ทั้งสองช่วง ถ้าโตเฉลี่ย10ปี เหมือนกันหมดแต่ตลาดหุ้นสวนทางกัน
นอกจากนั้น หุ้นที่โตเร็ว PEสูงลิ่ว หรือ หุ้นโตช้า คนก็บอกว่าเหมาะสม
นักวิชาการก็เลยตรวจสอบพบว่าหุ้นกลุ่มที่มีPEสูง หุ้นโตเร็วที่เราคิด ตรวจสอบแล้ว
ถ้ามองเป็นกลุ่ม ปรากฏว่าไม่ได้โตเร็ว ในที่สุดบริษัทก็เน่า
ส่วนกลุ่มที่โตช้า ก็โตเร็วเหมือนกัน โดยวันที่ซื้อนั้น อัตราการเติบโตช้าในช่วงแรก
นักลงทุนไปคิดเองว่าเป็นหุ้นโตเร็ว
นี่เป็นประสบการณ์ ที่พบว่า เมื่อก่อนเจอกลุ่มโตเร็ว สุดท้ายก็เน่า
ส่วนหุ้นที่โตช้า จริงๆก็โตเร็ว
สรุป ศกปีนี้ไม่ดี บริษัทจดทะเบียนก็เน่า
ธนาคารก็แย่ เศรษฐกิจดูหมดหวัง การท่องเที่ยว บริโภคก็ไม่ดี
แต่ถ้าเราขายหุ้นหมด ปรากฏว่าเศรษฐกิจจะโตดี
อ ไพบูลย์ บอกว่า ดร นิเวศน์ ทายผิด ที่บอกว่าไม่ดีสองปี ปีหน้าจะดี หรือ ไม่ดีสามปี ปีหน้าจะดีกว่านี้
ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรเป็นเหตุผล แต่ตอนนี้แย่มาสองปีแล้ว ไม่มีใครขายหุ้นอีกแล้ว
ประเด็นที่สำคัญ บางทีตลาดไม่ดี แต่ผลตอบแทนที่ไปลงทุนต่างประเทศของบางท่านปรากฏว่าดี
มีหุ้นบางกลุ่มที่ดี
4. ดร นิเวศน์ ส่วนตัวไม่ได้ซื้อหรือขายหุ้นเลยมาสองปีแล้ว
แต่ช่วงครึ่งปีที่แล้ว เริ่มซื้อหุ้นแล้ว เจอหุ้นที่สามารถกินปันผลได้
นาทีนี้มีหุ้นบางตัวที่ดี คือ ราคาถูก น่าสนใจซื้อ
5. ถาม อ นิเวศน์ว่าซื้อหุ้นกลุ่มไหน
ดร นิเวศน์ตอบว่า หุ้น propertyเมื่อก่อนไม่เคยซื้อ แต่ตอนนี้เริ่มซื้อ
อุตสาหกรรมนี้ บางตัวพอใช้ได้ น่าสนใจ มองในแง่อุตสาหกรรม
ในช่วงสองหรือสามปีที่ผ่านมา ถึงแม้กำไรดี แต่ราคาหุ้นเน่ามาก ในอนาคตยังคงไปได้
บริษัทนอกตลาดก็จะตายไปเอง
พยายามเล่นหุ้นในแนวนี้ อุตสาหกรรมที่ไม่ดี แต่เลือกหุ้นที่ราคาถูกและดี
แม้แต่อุตสาหกรรมธนาคาร บางธนาคาร ราคาถูกและมีกำไร
หลักการในการเลือกหุ้น
หุ้นนั้นเด่นอย่างไร ในอุตสาหกรรมที่ปันผลลดน้อยลง
แต่มีความมั่นคง. ธนาคารขนาดใหญ่ก็กลับเข้ามาเนื่องจากต่างชาติเข้ามาซื้อ
การศึกษาต้องทำใจ ถ้าหุ้นลงมา
หุ้นกลุ่ม Property ที่นักวิเคราะห์พูด คือ ไม่แนะนำให้ซื้อ
6. ถาม ทำแบบนี้มาครึ่งปี แต่ทำไมไม่บอกแฟนรายการ
ตอบ เราต้องลุยก่อน ถึงมาบอก เราต้องเชื่อมั่น ซื้อก่อนแล้วค่อยมาบอก
หุ้นมีแต่ละในยุค หุ้นเติบโต ในปี2008 เลือกตัวไหนก็ดีหมด แต่ตอนนี้หมดยุคแล้ว
มายุคของธนาคาร และ property
แสดงว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปเยอะ คนแก่ตัวเยอะ ผมรู้สึกเริ่มพีค ไม่โตแล้วทั้งร่างกายและจิตใจ
7. ถาม คุณโจ ว่ากลุ่มไหนควรหลีกเลี่ยง
ตอบ ลงทุนเยอะก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเปลี่ยนเป็นกำไรไม่ได้
ไทยเปลี่ยนจริงหรือไม่ วิทยากรถาม
มีใครในห้องนี้ ไม่ซื้อของ online บ้าง ปรากฏว่ามียกมือน้อยมาก
ผมซื้อของonlineปีที่แล้วเป็นแสนบาท ซื้ออาหารสด แช่แข็งส่งมาที่หาดใหญ่
ดังนั้นผลตอบแทนที่แย่มาสองปี ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์แล้ว
แม้แต่ ดร นิเวศน์ ยังเลือกธนาคารเลย
นักลงทุนวีไอ ต้องมีความยืดหยุ่น
ปีนี้ต้องมีการปรับกลยุทธ์บ้าง
กลุ่มแรก บริษัทที่เกี่ยวข้องกับEEC. มีการลงทุนรถไฟฟ้าเชื่อมสนามบินสามแห่ง
ภาคตะวันออกดี เช่นขายผลไม้ ทุเรียน ตอนนี้มีเศรษฐีทุเรียนเมืองจันทบรี
เราควรเลือกหุ้นที่เกี่ยวพันธ์กับEEC ซึ่งมีเกือบ20บริษัท ที่ราคาไม่สูงมาก
กลุ่มที่สอง หุ้นที่มีรายได้แน่นอน มีสัญญาซื้อขายแน่นอน
เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้าที่ราคาขึ้นมามหาศาล
กลุ่มที่สาม ศก บ้านเราแย่แล้ว เปรียบเทียบว่า
ถ้าทุกประเทศเปรียบเป็นหุ้นหนึ่งตัว จะซื้อTHAIไหม
เราจะซื้อบริษัทที่ไม่มีความสามารถในการแข่งขันหรือ
ถ้ามองแบบไม่มีอคติ เราต้องออกไปซื้อหุ้นต่างประเทศบ้าง
เวลาผมไป ผมไม่ได้วิเคราะห์หุ้นรายตัว แต่ซื้อหุ้นETFที่อิงกับดัชนีต่างประเทศ
เช่น ตลาดหุ้นฮ่องกง สหรัฐ
ส่วนที่ควรหลีกเลี่ยง
ได้แก่ หุ้นที่โดนdisruption
บริษัทนึงที่พึ่ง lay off หลายร้อยคน ซึ่งบริษัทถูก disruption
นักลงทุนรายย่อยเหลือ 40% ที่ซื้อขายหุ้น แต่เพิ่มสัดส่วนในส่วนกองทุนเพิ่มขึ้น
ผมก็อาจต้องปรับกลยุทธ์ในปีนี จะไปซื้อหุ้นกลางและใหญ่มากขึ้นซึ่งกองทุนสามารถซื้อ ขายได้
Bankโดน Disruptนิดหน่อย กินส่วนต่างดอกเบี้ย และถ้าจัดการต้นทุนดีๆก็รอดได้
ธนาคารไทยมีส่วนต่างดอกเบี้ยเยอะสุดในโลก แต่ตอนนี้ธนาคารเริ่มควบรวมเหลือ11แห่ง
รายได้จะถูกกระทบ
ทุกวันนี้คนไทยเป็นหนี้หัวโต ประมาณ 13ล้านล้านบาท ไม่รวมหนี้นอกระบบ คิดประมาณ 80%GDP
ดังนั้นดอกเบี้ยจ่ายรวม 1ล้านล้านบาท เราจะโตไปได้อย่างไร ยิ่งมีความเชื่อถือสูงก็ยิ่งได้รับวงเงินเยอะ
Market cap 17 ล้านล้านบาท กำไร1ล้านล้านบาท แต่คนทั่วไปจะเหนื่อยมาก
ศก ไม่ดี สถาบันที่ปล่อยสินเชื่อก็จะมีโอกาสเจอNPLสูงได้ และ โอกาสที่ปล่อยสินเชื่อได้ก็น้อยลง
บริษัทที่ปล่อยกู้ ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน รวยมากในตลาดหุ้น
8. อ ไพบูลย์ ถือเงินสดสภาพคล่องเยอะ มีทองไว้ถ่วงเรือ หุ้นในพอร์ตที่ถือเยอะ บวกเป็นเท่า
แต่ถ้าคิดทั้งพอร์ตก็ไม่ดีมาสองปีแล้ว
ถ้าเรามีความรู้บ้าง ให้ซื้อกองทุนรวมต่างประเทศ เพราะเงินบาทจะแข็งไม่ได้ตลอด อีก4-5 ปีก็น่าจะดี
ปี2563 สนามบินสมุยกำไรดีมากสำหรับหุ้น BA แต่ถ้าสะพานข้ามไปที่เกาะสมุย เกิดเมื่อไหร่ให้ขายBA
ดร นิเวศน์ ให้คะแนนตลาดหุ้น ปีนี้อาจมีsurpriseเลยให้เพิ่มขึ้นเป็น 6.5 คะแนน
แต่กลัวเรื่อง change โครงสร้าง
ส่วนทีวีละครที่บ้าน ไม่ได้ดูทีวีมา6เดือนแล้ว
แต่ภรรยาดู Youtubeแบบ rerun
ส่วน ดร ก็ย้ายไปดู Netflix แล้ว สนุกมาก
ดังนั้น คนที่บอกว่าทีวีเริ่มturnaround ต้องระวัง อย่าคิดว่ามันลงต่ำมากเลยไปซื้อ
ก็เลยนึกไม่ออกว่า มันจะขึ้นได้อย่างไร
อาจารย์นิเวศน์บอกว่า retailที่เข้าข่ายว่า online มา disruptได้ และราคาแพง
ยิ่งเมืองนอกโดนแล้ว ต้องระวังด้วยเพราะ
ผู้บริโภคเมื่อใช้บริการสั่งซื้อonline แล้วติดใจ ก็สามารถdisruptสินค้าเดิมในที่สุด
อ โจ บอกว่า ผมผิดมาสองถึงสามปี ปีที่แล้วให้7 คะแนน ปีนี้เลยขอให้ 5.5 คะแนน
การค้าonlineมาแบบไม่รู้ตัว ห้างretailที่จะเข้าตลาด เขาเห็นปัญหาแล้ว เลยเข้าตลาดมาช่วงนี้
E commerceมีมูลค่า 3.2 ล้านล้านบาท และ โตเป็น double digit ซึ่งมากกว่า เทสโก้ โลตัสกับบิ๊กซี
ส่วนค้าขาย onlineก็เป็นของจีน ก็ทำให้รายได้ไม่เข้าประเทศไทย