ห้องเม่าปีกเหล็ก

“ธ.ไทยพาณิชย์” เปิดแผนปี 66

โดย คเณชา
เผยแพร่ :
144 views

“ธ.ไทยพาณิชย์” เปิดแผนปี 66

ยอมรับยอดสินเชื่ออาจโตต่ำเป้า

ส่วนประเด็น STARK ให้รอบริษัทชี้แจงเอง

.

SCB คาดสินเชื่อปี 66 อาจโตต่ำเป้าราว 2-3 % จากเดิมที่คาด 5-8% เหตุลูกค้าระกลาง-ล่าง ยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่ลูกค้า SME และรายใหญ่บางส่วนยังมีความเสี่ยง พร้อมกางแผนปี 66 ของบล. ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ชู 3 กลยุทธ์ บริหารความมั่งคั่งครบวงจร ตั้งเป้า 3 ปี ขึ้นแท่นผู้นำ International Private Banking ส่วนประเด็น STARK กลุ่มธนาคารได้มีการพูดคุยบางส่วนแล้ว อยากให้รอความชัดเจนต่างๆ จาก STARK อีกครั้ง

.

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมสินเชื่อในปี 2566 ธนาคารยังคงเติบโตอย่างระมัดระวัง เพราะแม้เศรษฐกิจภายในประเทศจะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น แต่ลูกค้าในระดับกลาง-ล่าง ยังไม่ดีขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการ SME และผู้ประกอบการขนาดใหญ่บางรายยังมีความเสี่ยง ทำให้ธนาคารส่วนใหญ่ยังคงมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้ภาพรวมสินเชื่อในปี 2566 คงไม่เติบโตอย่างก้าวกระโดด

.

ทั้งนี้ ประเมินแนวโน้มสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในปี 2566 อาจเติบโตในระดับราว 2-3% ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดไว้จะเติบโตที่ระดับ 5-8% อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูความชัดเจนของสถานการณ์ปลายปีว่าจะเป็นอย่างไร

.

สำหรับสถานการณ์ของผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งสิ้นไตรมาส 1/66 ธนาคารได้ตั้งเงินสำรองอยู่ที่ 9,927 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% ซึ่งเป็นการสำรองที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK โดยกลุ่มธนาคารได้มีการพูดคุยบางส่วนแล้ว อยากให้รอความชัดเจนต่างๆ จาก STARK อีกครั้ง อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการรายใหญ่รายอื่นๆ ยังคงมีความแข็งแรง ส่วนปัญหาดังกล่าวจะกระทบกับภาพรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารหรือมั้ยนั้น ต้องรอประเมินภาพรวมอีกครั้ง

.

อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังมุ่งสู่การเป็น best wealth banking ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด (SCB Julius Baer) บริษัทร่วมทุนระหว่าง “ธนาคารไทยพาณิชย์” และ “จูเลียส แบร์” (Julius Baer) จะเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ช่วยให้ธนาคารขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงในเอเชียและไทยได้อย่างไร้รอยต่อ

.

ปัจจุบัน SCB WEALTH มีฐานลูกค้าเวลธ์ ที่มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป กว่า 400,000 ราย ซึ่งรวมถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (High Net Worth Individuals) คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดกว่า 40% และมีแผนงานขยายฐานลูกค้าเติบโตอย่างต่อเนื่องมากกว่า 12% ต่อปี โดยเฉพาะในกลุ่ม young affluent ที่มีความสนใจในการวางแผนการลงทุนที่เติบโตต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินการลงทุนที่หลากหลาย และ เป็น open architecture รวมถึงการขยายฐานลูกค้านักลงทุน digital investors ผ่านการพัฒนา wealth platform ที่ตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนที่ครบวงจร

.

โดยตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี มีฐานลูกค้า digital investors กว่า 1.3 ล้านราย โดยมี ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูง (UHNWIs/ HNWIs) ทำให้ไทยพาณิชย์สามารถต่อยอดในการทำธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) และสามารถช่วยวางแผนการเงินให้กับลูกค้าได้เต็มรูปแบบและครบวงจร

.

ด้าน นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับปี 2566 การปรับนโยบายการเงินเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังจากที่มีการใช้นโยบายที่ตึงตัวอย่างมากในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ กระบวนการ Disinflationary ในสหรัฐอเมริกายังคงดำเนินต่อไป แต่ยังคงมีความผันผวนในระดับสูงจากความเปราะบางเชิงโครงสร้างในด้านอุปทาน กลยุทธ์การลงทุนเราแนะนำให้เข้าลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่คุณภาพดี ลดการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง (High yield Bond)

.

ขณะที่การลงทุนในหุ้นเรายังแนะนำให้ใช้กลยุทธ์แบบ Barbell คือลงทุนทั้งในกลุ่มที่เป็น Secular growth ที่ยังคงมีการเติบโตที่ดีผสมกับหุ้นคุณภาพที่เป็นกลุ่มปลอดภัย (Defensive) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราให้น้ำหนักการลงทุนเชิงบวกคือกลุ่มเทคโนโลยี (Technology) กลุ่มสุขภาพ (Healthcare) และกลุ่มสื่อสาร (Communication)”

.

ในปี 2566 เพื่อเดินหน้าสู่คลื่นลูกใหม่ของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูง ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ นำเอากลยุทธ์ “The New Wave of Wealth” มาใช้เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ ตอกย้ำจุดยืนของการเป็นผู้นำด้านบริหารความมั่งคั่ง ซึ่งครอบคลุมและครบวงจรที่สุด เพื่อเจาะกลุ่มทายาทคนรุ่นใหม่ ซึ่งประกอบด้วย 3 แกนสำคัญได้แก่

.

1. Onshore & Offshore Investment: ลูกค้าไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ สามารถลงทุนทั้งในประเทศ (Onshore) และต่างประเทศ (Offshore) ซึ่งถือเป็น House แรกและที่เดียวในประเทศไทยที่สามารถดูแลและให้บริการแบบครบวงจร

.

2. Human Touch: บริการที่เข้าใจกลุ่มลูกค้าคนไทยอย่างแท้จริง ด้วยผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ หรือ Relationship Manager (RM) คนไทยที่มีความรู้ ความเข้าใจตลาดเมืองไทย เข้าใจความต้องการของลูกค้าทั้งในเชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิตและแนวคิดของคนไทยด้วยกัน พร้อมที่จะให้บริการได้ทันทีด้วยการให้บริการแบบ Human Touch โดยมีเทคโนโลยีมาสนับสนุน (Human Touch with Digital Support)

.

3. Seamless Access: การให้บริการผ่าน Open Product Platform ด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย และการวางแผนการส่งต่อความมั่งคั่ง (Wealth Planning) รวมทั้งบริการที่ดีที่สุด เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถลงทุนได้อย่างอิสระ ทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด ตรงกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคล (Tailored made) และเข้าถึงการลงทุนทั่วโลกได้อย่างแท้จริง

.

นอกจากนี้ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ยังเตรียมเปิดหลักสูตร The 45 Academia เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มทายาทนักธุรกิจและกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ (Next Generation) พัฒนาศักยภาพของตนเอง และเตรียมความพร้อมการสืบทอดธุรกิจให้อย่างยั่งยืน ขึ้นแท่นผู้นำแห่งอนาคต (Leader of Tomorrow) โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะสามารถขึ้นแท่นผู้นำ International Private Banking ที่มีความเป็นเลิศด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร ให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (UHNWIs และ HNWIs) ของเมืองไทย

 

 


คเณชา