โดย CUT
เผยแพร่ : 
170 viewsส่อง 4 บริษัทใหญ่ “เจ้าสัวธนิน”
CPALL-MAKRO ไตรมาส 1 กำไรจ่อทะลัก
.
อย่างที่ทราบกันดีว่า เมื่อไม่นานมานี้ Forbes ได้มีการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2023 โดยมีมหาเศรษฐีของไทยติดในทำเนียบรายชื่อของมหาเศรษฐีโลกกว่า 28 ราย หนึ่งในนั้นมี “เจ้าสัวธนิน เจียรวนนท์” โดยเป็นบุคคลที่รวยอันดับหนึ่งในประเทศไทย
.
ดังนั้นในแวดวงตลาดทุน Wealthy Thai จะได้สำรวจแนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 1/66 ของหุ้นในกลุ่ม “ซีพี” ของ “เจ้าสัวธนิน เจียรวนนท์” มาฝากนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็น CPALL, CPF, MAKRO และ TRUE
.
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/66 ของ CPALL และ MAKRO ทำได้ดีเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้ปัจจัยหนุนจากการกลับมาของนักท่องเที่ยว และกิจกรรมการใช้ชีวิตประจำวันทำได้เป็นปกติ รวมถึงได้ประโยชน์ที่ ได้รับจากโครงการ “ช้อปดีมีคืน”
.
ทั้งนี้ไตรมาส 1/66 คาด CPALL มีกำไรปกติ 3.8 พันล้านบาท เติบโต 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 31%จากไตรมาสก่อน โดยการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และเติบโตจากไตรมาสก่อนเนื่องจากค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่ลดลง
.
ส่วน MAKRO ไตรมาส 1/66 คาดจะมีกำไรปกติ 2.1 พันล้านบาท เติบโต 4%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 13%จากไตรมาสก่อน) โดยการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากฐานรายได้ที่สูงขึ้น แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนเนื่องจากในไตรมาส 4/65 เป็นช่วง High Season
.
ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” CPALL ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 75 บาท คาดการกลับมาของนักท่องเที่ยว จะเห็นผลดีที่ชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป โดยบริษัทยังคงมีความได้เปรียบจากผู้ประกอบการ ร้านค้าสะดวกซื้อที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในประเทศมีสาขาร้านค้าสะดวกซื้อกว่า 13,838 สาขา และคาดได้ประโยชน์จากกิจกรรมการเลือกตั้งและมาตรการรัฐ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5”
.
รวมทั้งแนะนำ “ซื้อ” MAKRO ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 48 บาท ได้ประโยชน์จาก ยอดขายที่เติบโตต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจทำได้เป็นปกติ ขณะที่คาดไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มยอดขายที่ดีต่อเนื่องจากกิจกรรมการเลือกตั้ง และการเข้าสู่ฤดูร้อน และมีวันหยุดยาวจากเทศกาลสงกรานต์
.
ขณะเดียวกันบริษัทคาดภาระดอกเบี้ยที่สูงจะเริ่มลดลง ในครึ่งหลังปี 66 หลังจากมีการเปลี่ยนแหล่งเงินกู้ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างออกหุ้นกู้ราว 3 หมื่นล้านบาท เพื่อลดต้นทุนทางการเงินจากเดิมระดับ 4-5% เป็น 3-4% ขณะเดียวกันมีประเด็นหนุนจากการเข้าซื้อขายใน MSCI ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือน พ.ค.
.
CPF พลิกขาดทุน!
ส่วน CPF นักวิเคราะห์ค่ายเดียวกัน คาดประกอบการไตรมาส 1/66 ของ CPF พลิกเป็นขาดทุนที่ 2.08 พันล้านบาท จากที่มีกำไรไตรมาส 4/65 ที่ 1.91 พันล้านบาท และ 1.10 พันล้านบาท ในไตรมาส 1/65 ตามลำดับ เนื่องจากถูกกดดันด้านราคาขายตามราคาเฉลี่ยหมู หน้าฟาร์มในประเทศที่ปรับลงแรงจากผลกระทบของปริมาณหมูในตลาดที่สูงขึ้นและหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้า
.
โดยราคาขายเฉลี่ยหมูในไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 88 บาท/กก. ลดลง 13.1% จากไตรมาสก่อน และ 3.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหมูเวียดนามที่ปรับลดลงเช่นกันเนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ, ความไม่มั่นคงทางการเมือง และต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น ทำให้ Demand ในประเทศลดลง
.
ขณะที่ราคาต้นทุนการเลี้ยงปรับสูงขึ้นทั้งราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกากถั่วเหลืองกดดัน GPM คาดปรับลดลงต่อ เป็น 10.4 % ด้านส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดที่ 287 ล้านบาท แม้ผลประกอบการของ CPALL และ MAKRO จะมีแนวโน้ม ดีขึ้นแต่ได้รับผลกระทบจากผลประกอบการในจีนที่อ่อนแอตามราคาหมูจีนที่ ปรับลดลง และธุรกิจ Hylife ยังขาดทุนจากราคาต้นทุนที่สูง
.
ดังนั้นระยะสั้นหุ้นยังขาดปัจจัยบวกหนุนปรับลดคำแนะนำเป็น TRADING ผลของการปรับประมาณการลง ทำให้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ถูกปรับลดลงเป็น 21.50 บาท มองระยะสั้นยังขาดปัจจัยหนุน แนะนำชะลอการลงทุน
.
TRUE ทั้งปี 66 ฟันกำไรพุ่ง
สุดท้าย TRUE ล่าสุดยังไม่มีการประเมินผลประกอบการงวดไตรมาส 1/66 แต่นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดว่า TRUE จะมีกำไรสุทธิ 1.2 พันล้านบาทในปี 66 (เทียบกับขาดทุนหลัก 117 ล้านบาทในปี 65) จากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการหลัก 3.1% และสัดส่วนรายจ่าย SG&A ต่อรายได้ที่ลดลงจาก 19.8% ในปี 65 เป็น 19.3% ในปี 66
.
รวมทั้งยังเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 66-69 ขึ้นเป็น 1.2 - 2.5 พันล้านบาท หลังปรับลดประมาณการค่าใช้จ่าย D&A ลง ทั้งนี้ งบการเงินเสมือนจริงที่รวมผลประกอบการของ TRUEE และ DTAC มีการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่ซ้ำซ้อนจำนวน 9.9 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ค่าใช้จ่าย D&A ในปี 64-65 ลดลง 9.5 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับงบการเงินเดิมของ TRUEE และ DTAC โดยแนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 9.23 บาท
