ห้องเม่าปีกเหล็ก

GL ยันไม่ต้องตั้งสำรองลูกหนี้สิงคโปร์-ไซปรัส

โดย stock-news
เผยแพร่ :
73 views

GL ยันไม่ต้องตั้งสำรองลูกหนี้สิงคโปร์-ไซปรัส

 

          GL ยืนยันลูกหนี้สิงคโปร์-ไซปรัสเป็นหนี้ปกติ ไม่เคยผิดนัดชำระ จึงไม่ต้องตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ แจงที่ยืดหนี้ให้เป็นนโยบายของบริษัทในการให้กู้แก่ลูกค้าใหม่ โดยจะให้เป็นเงินกู้ระยะสั้นก่อน และจะขยายให้เป็นระยะยาวหากสามารถทำธุรกิจร่วมกันได้ พร้อมระบุไม่ใช่รายการเกี่ยวโยง เหตุไม่มีกรรมการไขว้กัน และทั้ง 2 กลุ่มถือหุ้น GL ไม่เกิน 10% หลังจากนี้จับตา ก.ล.ต. จะสั่งแก้งบหรือไม่ บล.ทรีนีตี้ ประเมินหนักสุดหากต้องตั้งสำรองฯ ทั้งหมด จะทำให้งบปีนี้พลิกขาดทุนกว่า 1.1 พันล้านบาท กดราคาเหมาะสมเหลือแค่ 7 บาท แต่หากต้องตั้งสำรองแค่บางส่วนราคาเหมาะสมจะอยู่ที่ 23-69 บาท หรือหากผ่านฉลุย ราคาเหมาะสมคงเดิม 72 บาท ด้านราคาหุ้นดิ่งเหว ร่วง 3 ฟลอร์ต่อเนื่อง

 

** หุ้น GL ร่วง 3 ฟลอร์ติด


         ราคาหุ้น บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ดูเหมือนจะฉุดไม่อยู่ เปิดการซื้อขายล่าสุดร่วงติดฟลอร์ต่อเนื่องทันทีที่ 17.70 บาท ลดลง 7.55 บาท หรือ 29.90% ซึ่งถือเป็นฟลอร์ที่ 3 ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน สาเหตุเนื่องมาจากผู้สอบบัญชีตั้งข้อสังเกตการปล่อยกู้ให้กับลูกค้าในสิงคโปร์และไซปรัส ที่อาจมีการบันทึกบัญชีไม่ถูกต้อง แม้ว่าบริษัทฯ จะนัดชี้แจงต่อนักวิเคราะห์ถึง 2 ครั้ง มีการถ่ายทอดผ่าน YouTube แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็ไม่กลับคืนมา 


         โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดหลักทรัพย์มีคำสั่งให้ GL ชี้แจงประเด็นเงินกู้ยืมในต่างประเทศ นำมาซึ่งความกังวลว่าจะถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งให้แก้งบการเงินหรือไม่


         นอกจากนี้ GL และ GL-W4 ซื้อขายด้วยบัญชี Cash Balance ระหว่างวันที่ 13 มี.ค.-21 เม.ย. 2560
         หากนับจากราคา High ของ GL ที่ 69.75 บาท เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2559 จนถึงราคาปิดล่าสุด 17.70 บาท เท่ากับราคาร่วงลงถึง 74.62% 

 

** แจงยืดหนี้เป็นนโยบาย ไม่มีการผิดนัดชำระ 


         ล่าสุด GL ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ในช่วงค่ำวันที่ 13 มี.ค. ระบุว่า ผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์มียอดเงินต้นรวม 56,346,950 ดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินต้นจำนวน 16,775,000 ดอลลาร์สหรัฐจะครบกำหนดในปี 2560 และเงินต้นส่วนที่เหลือจำนวน 39,571,950 ดอลลาร์สหรัฐจะครบกำหนดในปี 2561


         สำหรับผู้กู้กลุ่มไซปรัส มียอดเงินต้นรวม 41,779,071 ดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินต้นจำนวน 16,572,127 ดอลลาร์สหรัฐจะครบกำหนดในปี 2561 จำนวน 22,946,310 ดอลลาร์สหรัฐจะครบกำหนดในปี 2562 และเงินต้นส่วนที่เหลือจำนวน 2,260,634 ดอลลาร์สหรัฐจะครบกำหนดในปี 2563


         ทั้งนี้บริษัทย่อยคือ กรุ๊ปลิสต์ โฮลดิ้ง (GLH) มีนโยบายในการให้กู้ยืมแก่ลูกค้ารายใหม่ๆ โดยการให้เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้นในช่วงระยะเวลาเริ่มต้น เพื่อให้ GLH สามารถดูแลและตรวจสอบสถานะ รวมถึงความสัมพันธ์กับผู้กู้รายดังกล่าวก่อน แล้วหาก GLH เห็นว่าสามารถดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจร่วมกับผู้กู้รายนั้นได้ ก็จะขยายระยะเวลาสำหรับเงินให้กู้ยืมดังกล่าวให้เป็นเงินให้กู้ยืมระยะยาว 


         สำหรับผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มข้างต้น เดิมผู้กู้ขอสินเชื่อเป็นเงินให้กู้ยืมระยะยาวที่มีกำหนดชำระหนี้คืนเมื่อครบระยะเวลา 3 ปี แต่เพื่อปฏิบัติตามนโยบายในการให้กู้ยืมของ GLH จึงกำหนดให้เป็นเงินกู้ระยะสั้น โดยมีกำหนดชำระเงินกู้ยืมคืนภายในระยะเวลา 3 เดือน และในเวลาต่อมาได้ขยายระยะเวลาชำระเงินให้กู้ยืมคืนเป็น 1 ปี และ 3 ปี ตามลำดับ 


              ทั้งนี้การขยายระยะเวลาชำระเงินให้กู้ยืมให้แก่ผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มข้างต้นไม่ได้เกิดจากการที่ผู้กู้ดังกล่าวผิดนัดชำระหนี้ ในการนี้ GLH จะเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระเป็นรายไตรมาส โดยจะออกใบแจ้งหนี้สำหรับดอกเบี้ยดังกล่าวภายใน 5-6 อาทิตย์หลังจากสิ้นไตรมาส จากนั้นผู้กู้จะชำระเงินตามจำนวนภายใน 1-3 อาทิตย์ ทั้งนี้ในปี 2558 และ 2559 ไม่มีดอกเบี้ยค้างชำระ และ GLH ได้รับชำระดอกเบี้ยครบถ้วนจากผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มมาโดยตลอด (ดอกเบี้ยค้างรับจำนวน 485 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 16% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2559) ผู้บริหารจึงมีความเห็นว่าไม่ต้องตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับผู้กู้ทั้ 2 กลุ่มข้างต้น และผู้สอบบัญชีได้พิจารณาว่าเงินกู้ยืมดังกล่าวเป็นลูกหนี้ปกติเช่นกันและไม่ได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับเงินกู้ยืมดังกล่าว


    
**เงินให้กู้ครั้งต่อไป จะปรึกษาผู้สอบบัญชีเพื่อตั้งสำรอง


         ตามที่กล่าวข้างต้น GLH มุ่งเน้นการให้กู้ยืมเงินแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และพันธมิตรทางธุรกิจเป็นหลัก และ GLH ได้ใช้ความระมัดระวังในการให้กู้ยืมแก่กลุ่มผู้กู้ต่างๆ ซึ่งต้องมีโอกาสทางธุรกิจที่สอดคล้องกับธุรกิจของบริษัทและ GLH ในปัจจุบัน GLH จึงยังไม่มีการกำหนดนโยบายการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและมาตรการดำเนินการในกรณีดังกล่าว 


          สำหรับเงินที่ GLH ให้กู้ยืม จากนี้ต่อไป GLH จะดูแลและตรวจสอบเงินกู้ยืมแต่ละรายอย่างใกล้ชิด และจะร่วมทำงานกับผู้สอบบัญชีเพื่อพิจารณาว่ามีความจำเป็นในการกำหนดการตั้งค่าหนี้สงสัยจะสูญหรือไม่และจะกำหนดการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เหมาะสมสำหรับเงินกู้ยืมที่เกี่ยวข้องต่อไป 


         ในการนี้ผู้แทนตามกฎหมายของ GLH ในประเทศสิงคโปร์ได้จัดเตรียมเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินให้กู้ยืมของ GLH อย่างครบถ้วนแล้ว และเมื่อมีเหตุจำเป็น GLH และที่ปรึกษาทางกฎหมายจะดำเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

** ไม่ใช่รายการเกี่ยวโยง


         GL ชี้แจงว่า การให้เงินกู้ยืมของบริษัทย่อยไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน เนื่องจากผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มข้างต้นไม่ถือเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท โดยผู้กู้ดังกล่าวไม่ได้เป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทและบริษัทย่อย และผู้บริหารและกรรมการของบริษัทและบริษัทย่อยไม่ได้เป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้กู้ดังกล่าว 


         นอกจากนี้ บริษัทและบริษัทย่อยไม่ได้ถือหุ้นของผู้กู้ และผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มข้างต้นถือหุ้นน้อยกว่าร้อยละ 10 ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท

** ให้กู้ตั้งแต่ปี 58


         นอกจากนี้ GLH เริ่ม ให้เงินกู้ยืมแก่ผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวตั้งแต่ปี 2558 และได้บันทึกรายการเงินกู้ยืมดังกล่าวในงบการเงินของบริษัทตั้งแต่ปี 2558 และมีรายละเอียดของเงินกู้ยืมปรากฏในหมายเหตุประกอบงบการเงินรายไตรมาสตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 
    ทั้งนี้ยังคงมีการบันทึกรายการดังกล่าวในงบการเงินรายไตรมาสของบริษัทและ GLH ในช่วงสิ้นปี 2559 ซึ่งได้รับการการตรวจสอบโดย EY ซึ่งเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัทแล้ว ดังนั้น แม้ว่าคณะกรรมการบริษัทไม่ได้มีการอนุมัติเงินกู้ให้แก่ผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวเป็นการเฉพาะ แต่คณะกรรมการบริษัทได้รับทราบเกี่ยวกับเงินกู้ยืมดังกล่าวแล้ว

 

** โบรกฯประเมิน 4 ทาง


          บล.ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 59 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำหนดให้บริษัท GL ชี้แจงถึงประเด็นที่เงินกู้ยืมในต่างประเทศ โดยมีประเด็นสำคัญ คือ 


1. ให้ระบุถึงเงื่อนไขเงินให้กู้ยืม และมูลค่าหลักประกัน และการที่จะเข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันหรือไม่ รวมถึงให้ระบุ ชื่อผู้กู้ ลักษณะการประกอบธุรกิจ ชื่อผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้บริหาร และความสัมพันธ์ของผู้กู้ของกรรมการบริษัทและผู้บริหารสูงสุด


2. ให้อธิบายการขยายระยะเวลาชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยค้างรับแก่ผู้กู้ข้างต้นแยกเป็นรายกลุ่ม เช่น วันที่ขยาย ระยะเวลาชำระหนี้ จำนวนหนี้ที่ขยายแยกเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยค้างรับ


          โดยกำหนดระยะเวลาการชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมภายในวันที่ 13 มี.ค. หากการชี้แจงต่อ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชัดเจนอาจไม่มีผลต่อประมาณการของเรา แต่หากผลการชี้แจงไม่ชัดเจน ก.ล.ต. อาจใช้ดุลพินิจกำหนดให้บริษัทต้องแก้ไขงบการเงิน (เป็นไปได้ แม้ผู้สอบบัญชีจะให้ความเห็นรับรองงบการเงินแบบไม่มีเงื่อนไข แต่มีข้อสังเกตก็ตาม) ซึ่งเรามองโอกาสที่จะเป็นไปได้ คือ


          - บริษัทอาจต้องตั้งสำรองเพิ่มเติมในเงินให้กู้ยืม 94 ล้านบาทที่ค้างชำระ 1-12 เดือน
          - บริษัทอาจต้องตั้งสำรองเพิ่มเติมในเงินให้กู้ยืม 94 ล้านบาทที่ค้างชำระ 1-12 เดือน และ ส่วนที่ได้ขยายตารางการชำระหนี้ 2,129 ล้านบาท
          - บริษัทอาจต้องตั้งสำรองเพิ่มเติมสำหรับเงินให้กู้ยืมในต่างประเทศ 3,759 ล้านบาท


          ซึ่งเราไม่อาจระบุถึงโอกาส (Possibility) ในความเป็นไปได้แต่ละกรณี แต่อยากให้นักลงทุนพิจารณาถึงผลกระทบต่อประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายของเราตามตาราง Sensitivity ที่แสดงด้านล่าง

 

Sensitivity Case                                                                                       2017F               Effect to        2017F ROE      Target Price       
                                                                                                               Net Profit          Net Profit                                                   
                                                                                                                                        Estimation


ประมาณการปัจจุบัน ในกรณีที่การชี้แจงผ่านพ้นไปด้วยดี                        2,051.35                0.00%            18.3%               72

บริษัทต้องตั้งสำรองเงินให้กู้ยืมในส่วนที่ค้างชำระ 1-12 เดือน (94 ลบ.)  1,972.54               -3.84%            17.6%                69

บริษัทต้องตั้งสำรองเงินให้กู้ยืมในส่วนที่ค้างชำระ 1-12 เดือน (94 ลบ.)     184.18             -91.02%              1.7%                23
และส่วนที่ขยายตารางชำระหนี้ (2,129 ลบ.)                                 

บริษัทต้องตั้งสำรองเงินให้กู้ยืมในต่างประเทศทั้งจำนวน (3,759 ลบ.)    -1,105.97          -153.91%           -10.4%                  7

Note: สมมติฐานการตั้งสำรองหนี้ดังกล่าวไม่นับรวมมูลค่าหลักประกัน

 

credit : Efinancethai


stock-news