5 หุ้น DCA จนท้อ ควรไปต่อ หรือ พอแค่นี้ ?
หลังลงทุนไป 5 ปี ขาดทุนกว่าครึ่งแสน
.
การลงทุนแบบ Dollar Cost Average หรือ DCA เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักลงทุนระยะยาว หรือนักลงทุนที่อาจไม่มีเวลาติดตามความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นอย่างใกล้ชิด ซึ่งหุ้นที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนมักเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีสภาพคล่อง และมีปัจจัยบวกสนับสนุนการเติบโต
.
อย่างไรก็ตาม แม้การลงทุนแบบ DCA จะเป็นการลงทุนระยะยาว แต่ยังจำเป็นต้องติดตามผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันท่วงที หากหุ้นที่ลงทุนมีโอกาสเติบโต อาจเพิ่มน้ำหนักการลงทุน หรือ ลงทุนต่อเนื่อง ในทางกลับกันหากหุ้นที่ลงทุนมีแนวโน้มในเชิงลบ อาจเปลี่ยนไปลงทุนหุ้นตัวอื่นๆ แทน
.
ซึ่งช่วงที่ผ่านมา Wealthy Thai เคยนำเสนอหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ DCA ไปแล้ว คราวนี้จึงขอหยิบ 5 หุ้นใหญ่ที่นักลงทุนคุ้นเคยอย่าง BTS, CPALL, CPF, EGCO และ SCC มาทดลอง DCA ให้ดูว่าจะมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร

.
ซื้อหุ้น 5,000 บาท ติดต่อกันทุกเดือน เป็นระยะเวลา 5 ปี
จากข้อมูลของ SETSMART พบว่า หาก DCA หุ้น BTS ปัจจุบันจะมีหุ้นทั้งหมด 31,354 หุ้น โดยมีต้นทุนเฉลี่ยหุ้นละ 9.72 บาท มูลค่าพอร์ตปัจจุบันจะอยู่ที่ 260,238.20 บาท ขาดทุน 44,469.50 บาท หรือลดลง 14.59% และได้รับเงินปันผล 29,064.53 บาท
.
ถัดมาหุ้น CPALL หาก DCA ปัจจุบันจะมีหุ้นทั้งหมด 4,472 หุ้น โดยมีต้นทุนเฉลี่ยหุ้นละ 67.72 บาท มูลค่าพอร์ตปัจจุบันจะอยู่ที่ 298,506 บาท ขาดทุน 4,335.50 บาท หรือลดลง 1.43% และได้รับเงินปันผล 8,405.90 บาท
.
หุ้น CPF หาก DCA ปัจจุบันจะมีหุ้นทั้งหมด 11,561 หุ้น โดยมีต้นทุนเฉลี่ยหุ้นละ 26.33 บาท มูลค่าพอร์ตปัจจุบันจะอยู่ที่ 272,839.60 บาท ขาดทุน 31,529.95 บาท หรือลดลง 10.36% และได้รับเงินปันผล 21,384.55 บาท
.
หุ้น EGCO หาก DCA ปัจจุบันจะมีหุ้นทั้งหมด 1,401 หุ้น โดยมีต้นทุนเฉลี่ยหุ้นละ 213.21 บาท มูลค่าพอร์ตปัจจุบันจะอยู่ที่ 241,672.50 บาท ขาดทุน 57,028.50 บาท หรือลดลง 19.09% และได้รับเงินปันผล 19,776.50 บาท
.
และหุ้น SCC หาก DCA ปัจจุบันจะมีหุ้นทั้งหมด 746 หุ้น โดยมีต้นทุนเฉลี่ยหุ้นละ 393.94 บาท มูลค่าพอร์ตปัจจุบันจะอยู่ที่ 250,656 บาท ขาดทุน 43,226.00 บาท หรือลดลง 14.71% และได้รับเงินปันผล 26,382 บาท
.
มุมมองนักวิเคราะห์
จากข้อมูลข้างต้นหากนักลงทุนกำลัง DCA หุ้นเหล่านี้อยู่ควรทำอย่างไร Wealthy Thai ได้สอบถามไปยัง คุณกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และนักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ซึ่งให้มุมมองว่า คอนเซ็ปต์ของการ DCA คือการพยายามซื้อโดยกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้น และใช้ประโยชน์จากการผันผวน ซึ่งอาจทำให้เราได้ลงทุนในระดับราคาที่ถูกลง
.
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจภาพใหญ่ของธุรกิจที่ DCA ในระยะยาวจะเป็นอย่างไร มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นหรือไม่ เพราะ DCA เป็นการใช้ประโยชน์จากความผันผวนเพื่อสะสมหุ้น ดังนั้นต้องเลือกหุ้นที่ธุรกิจมีแนวโน้มจะเติบโตและเราสามารถคาดการณ์การเติบโตนั้นได้
.
โดยมุมมองส่วนตัวจะตัด BTS ออก เพราะธุรกิจปัจจุบันยังไม่ได้สะท้อนการเติบโตระยะยาวมากนัก ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงจากอายุของสัมปทาน แม้จะมีโอกาสประมูลรถไฟฟ้าเส้นใหม่ๆ แต่มูลค่าของหุ้นขึ้นอยู่กับสัมปทานเส้นปัจจุบันซึ่งอยู่ในช่วงท้าย ดังนั้นหากสัมปทานหมดและเปลี่ยนเป็นการต่อสัญญาเดินรถรูปแบบใหม่ ประเมินว่ากำไรอาจไม่ดีเท่าเดิม เพราะฉะนั้นจึงไม่แนะนำ DCA หุ้น BTS เพราะมีความเสี่ยงที่แนวโน้มผลประกอบการในอนาคตอาจลดลงและมีความไม่แน่นอนของธุรกิจ
.
สำหรับ CPF และ SCC สามารถ DCA ได้ แต่ผู้ลงทุนต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง สามารถประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมของธุรกิจในเศรษฐกิจโลกได้ เช่น SCC ธุรกิจอิงกับปิโตรเคมีค่อนข้างมาก ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัวหรือมีความไม่แน่นอนก็อาจทำให้การ DCA ของเราสวนกับจังหวะของเศรษฐกิจได้
.
ขณะที่ CPF แม้ธุรกิจอาหารจะมีแนวโน้มเติบโตดีในระยะยาว แต่บางครั้งอาจได้รับผลกระทบเชิงลบจากต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มขึ้น หรือ ราคาขายเนื้อสัตว์ที่ปรับลดลง ซึ่งบางครั้งอาจต้องเผชิญกับขาลงของธุรกิจราว 1-2 ปี ดังนั้นผู้ลงทุนควรมีความเข้าใจในธุรกิจและอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง เพราะหาก DCA ในจังหวะที่อุตสาหกรรมเป็นขาลงอาจทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ดีนัก
.
ด้าน EGCO และ CPALL อยู่ในจุดที่น่าสนใจและสามารถ DCA ได้ง่าย โดย EGCO มีความพยายามเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าระยะยาวน่าจะเห็นกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น แม้ระยะสั้นอาจมีความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่โดยรวมกำไรน่าจะเพิ่มตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ มีประเด็นที่ต้องติดตาม เพราะการลงทุนโรงไฟฟ้าใช้ต้นทุนจากการกู้ยืม หากดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ก็อาจมีผลกระทบต่อผลประกอบการได้
.
ส่วน CPALL เป็นธุรกิจที่เข้าใจได้ง่ายที่สุดในหุ้นที่กล่าวมา เพราะธุรกิจเป็นค้าปลีก แม้ช่วงหลังจะมีความซับซ้อนจากบริษัทลูกอย่าง MAKRO ที่เข้าไปถือหุ้น Lotus's ทำให้คาดเดาผลประกอบการในบางช่วงได้ยาก แต่ภาพรวมธุรกิจไม่ยาก เพราะการที่จำนวนสาขาของ CPALL และ MAKRO ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึง Lotus's ยังมีโอกาสขยายตลาด
.
ทำให้การ DCA หุ้น CPALL ก็น่าสนใจ เพราะสามารถเห็นแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจว่าจะมาจากปัจจัยอะไร และในอนาคตยังเติบโตได้ต่อเนื่องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยที่ต้อง
ระมัดระวัง คือ ธุรกิจค้าปลีกมีมูลค่าค่อนข้างสูง ดังนั้นบางครั้งเราอาจต้องซื้อหุ้นในราคาแพง
.
สุดท้ายนี้ สำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนแบบ DCA ต้องตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่ามีความเข้าใจธุรกิจที่ลงทุนมากน้อยแค่ไหน ประเมินแนวโน้มการเติบโตได้หรือไม่ เพราะผู้ลงทุนต้องมั่นใจว่าธุรกิจที่ลงทุนจะสามารถเติบโตได้ในระยะยาว เพราะการ DCA ต้องการลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตระยะยาว แต่เราไม่มีความเชี่ยวชาญ จึงใช้การ DCA เฉลี่ยการลงทุนเพื่อใช้ประโยชน์จากการผันผวน