บล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่า ที่ผ่านมารายได้รวมของ STA จะมาจากยางแปรรูปมากถึง 85% ซึ่งได้รับผลกระทบเชิงลบจากราคายางพาราตกต่ำ
แต่บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจหันเข้าสู่ธุรกิจผลิตถุงมือยาง สัดส่วนรายได้จากถุงมือยางอยู่ที่ 15% แต่การที่ STA เพิ่มไลน์สินค้าถุงมือยางมีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 18%-22% ดีกว่าธุรกิจดั้งเดิมคือยางแปรรูปที่มีอัตรากำไรขั้นต้นราว 6% ทำให้ทิศทางกำไรของ STA ดีขึ้น ไม่เผชิญกับความผันผวนของราคายางพารามากเหมือนช่วง 2 ปีก่อน
นอกจากนี้ STA ก็ได้เตรียมแผนการเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยางเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยาง จากเข้าซื้อกิจการ "Thai Kong Group" ทำให้กำลังการผลิตจากปัจจุบัน 1.72 หมื่นล้านชิ้นต่อปี เป็น 2.12 หมื่นล้านชิ้นต่อปี สัดส่วนการถือหุ้นของ STA อยู่ที่ 81%
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ให้อัพไซด์ราคาพื้นฐาน 21 บาท เนื่องจากภายหลังจาก STA ปรับโครงสร้างเพิ่มรายได้ธุรกิจผลิตถุงมือยาง ทำให้ฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่าผลประกอลการสิ้นปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 2 พันล้านบาท จากเคยขาดทุนสุทธิ 1.4 พันล้านบาทในปี2560 ก่อนจะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 2.7 พันล้านบาทในปี 2562
ที่มา : Money Channel