4 เซียนหุ้น เปิดมุมมองเศรษฐกิจ-ตลาดหุ้น

4 เซียนหุ้น เปิดมุมมองเศรษฐกิจและตลาดหุ้น หลังนักลงทุนผวาสถานการณ์เงินเฟ้อพุ่งแรง หนุนเฟดเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย หวั่นส่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย- Stagflation พร้อมชูกลยุทธ์การลงทุนในช่วงหลังจากนี้
.
*** ดร.นิเวศน์ ชี้ศก.โลกส่อถดถอย-ลุ้นตลาดหุ้นขึ้นในระดับที่เหมาะสม
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์" ว่าสำหรับมุมมองต่อเรื่องภาวะเศรษฐกิจในตอนนี้ คาดว่าเศรษฐกิจโลกระยะยาวอาจไม่ค่อยดี เพราะอาจเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งน่ากลัวเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ปี 1970 ที่เกิดสถานการณ์ Stagflation หรือภาวะข้าวของแพงขึ้น แต่เศรษฐกิจชะลอตัว โดยเชื่อว่าเป็นภาพที่เลวร้ายจึงต้องรอดูว่าสหรัฐฯจะมีความสามารถในการแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไรบ้าง
.
ขณะที่ในส่วนของมุมมองต่อตลาดหุ้นนั้น แม้จะเจอกับแรงกดดันจากภาวะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าสองปัจจัยดังกล่าวต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเข้าสู่ระดับปกติ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นที่ชอบให้เรื่องต่างๆผ่านพ้นไปโดยเร็ว แต่เชื่อว่าระยะยาวหุ้นไทยมีโอกาสขึ้นไปในระดับที่เหมาะสม เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมายังไม่ค่อยไปไหนเลย จึงทำให้อาจเห็นตลาดหุ้นไทยปรับตัวน้อยลงกว่าตลาดอื่นๆในช่วงที่ผ่านมาและความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลงแรงๆจึงน้อยกว่า
.
ส่วนด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้กลับมาลงทุนแบบ VI โดยน้นซื้อหุ้นที่กิจการแข็งแกร่งหรือมีกำไรและจ่ายปันผลดี โดยเฉพาะที่สำคัญเลือกหุ้นที่ราคาไม่แพงหรือระดับค่าพีอีไม่สูงมาก พร้อมเตือนหลีกเลี่ยงหุ้นเก็งกำไรที่มีระดับพีอีสูงๆเกิน 40-50 เท่า เพราะมีความเสี่ยงที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลงแรงๆสูง โดยแนะนำให้คนที่มีอยู่ในพอร์ตควรขายทิ้งให้หมด
.
"พอร์ตของตัวเองที่ลงทุนในหุ้นไทยตอนนี้ยังเป็นบวกได้นิดหน่อย หลังมีการปรับพอร์ตเข้าไปในหุ้นปันผลราว 4-5% และเลือกหุ้นที่มีค่าพีอีไม่สูง แต่มีโอกาสเทิร์นอะราวด์ ส่วนเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าน่าจะยังเป็นบวก ซึ่งน่าจะประคองตัวได้หลังการเปิดเมืองพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาเพิ่มสูงขึ้น" ดร.นิเวศน์ กล่าว
.
*** โจ ลูกอีสาน มั่นใจศก.จะค่อยๆดีขึ้น-เชื่อยังมีตัวเลือกลงทุนได้
นายอนุรักษ์ บุญแสวง หรือโจ ลูกอีสาน กล่าวว่าเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจตอนนี้มีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ โดยปัจจัยบวกคือสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลาย ส่วนปัจจัยลบคือการบังเอิญมาเจอปัญหาซ้ำซ้อนอย่างเงินเฟ้อจากปัญหาสงครามที่ทำให้การใช้จ่ายอาจถูกกระทบโดยเฉพาะคนรากหญ้าที่มำกำลังซื้อน้อยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆดีขึ้น
.
ส่วนด้านตลาดหุ้นมองว่าไม่ได้สะท้อนแค่เรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่มีปัจจัยเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มากดดันด้วย ซึ่งส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าระยะยาวมันจะผ่านพ้นไป พร้อมคาดว่าระยะสั้นตลาดหุ้นยังค่อนข้างเลวร้าย เพราะราคาหุ้นยังค่อนข้างผันผวน แต่ก็ยังมีตัวเลือกให้เข้าลงทุนได้ เพราะมีทั้งบริษัทที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์
.
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำเลือกซื้อหุ้นเพิ่มเติมในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลง เพราะมองว่าเป็นโอกาสในการช้อนซื้อหุ้นที่ดี โดยเฉพาะหากนักลงทุนคนไหนมั่นใจก็สามารถเข้าไปซื้อหุ้นที่ดีในราคาถูกได้ แต่ไม่ต้องซื้อเต็มตัวและเหลือเงินสดไว้บ้าง เพราะยังไม่มีใครรู้ว่าราคาหุ้นจะลดลงไปถึงระดับไหน
.
"พอร์ตหุ้นของผมยังติดลบ แต่ไม่ถึงระดับ 10% ซึ่งตอนนี้ก็เหลือเงินสดเล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่เข้าไปลงทุนในช่วงก่อนหน้านี้บ้างแล้ว แต่ถือว่าหุ้นในประเทศยังลดน้อยกว่าหุ้นต่างประเทศ" นายอนุรักษ์ กล่าว
.
*** 'กระทรวง จารุศิระ' ห่วงภาระหนี้ครัวเรือนพุ่งฉุดกำลังซื้อ
นายกระทรวง จารุศิระ เทรดเดอร์ชื่อดังและผู้ริเริ่มโครงการ "ซูเปอร์ เทรดเดอร์ ไทยแลนด์" กล่าวว่าตอนนี้ทุกคนรู้เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่ไม่ได้มองเลวร้ายขนาดนั้น เพราะเศรษฐกิจมักมีขึ้นก็ต้องมีลง แต่ที่ห่วงที่สุดคือภาระหนี้ครัวเรือนของประชาชนที่อาจสูงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและอาจส่งผลให้เกิดภาวะฝืดเคืองตามมา รวมถึงจะมีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจให้อยู่ในสภาวะขาลง แต่คงไม่ถึงขั้นปี 40,วิกฤตซับไพรม์ หรือช่วงการแพร่ระบาดโควิดที่ตลาดปรับตัวลดลงเร็วและแรง
.
ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้น มองว่าเพราะก่อนหน้านี้มีการนำเงินสภาพคล่องเข้ามาในระบบจำนวนมาก ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่มีการดึงเงินออกจึงกระทบสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ซึ่งในส่วนของตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะแกว่งตัวออกด้านข้างที่ระดับ 1,560-1,700 จุด แต่ไม่ควรหลุดระดับ 1,560 จุด เพราะตลาดจะลงลึกไปถึงระดับ 1,400 จุด แต่หากเกิดเหตุการณ์ BLACK SWAN ก็อาจลงไปแตะ 1,200 จุดได้
.
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกเทรดตามกรอบ โดยเน้นซื้อแนวรับและขายแนวต้าน รวมถึงเลือกกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นหลัก
.
***หมอวิน คาดตลาดหุ้นครึ่งปีหลังเป็นจุดน่าซื้อ-แนะเก็บหุ้นแบบระมัดระวัง
นายแพทย์รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา (หมอวิน) เซียนหุ้นเทคนิค กล่าวว่ามองเศรษฐกิจมหภาคไม่ดีอยู่แล้ว เพราะเดิมถูกขับเคลื่อนด้วยสภาพคล่องจาก QE ซึ่งเมื่อตอนนี้เม็ดเงินเริ่มถูกดึงออกและเจอกับปัญหาเงินเฟ้อก็ทำให้การเติบโตต่ำลง โดยต้องมองไปข้างหน้าว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะพีคสุดเมื่อไหร่ เพราะราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่แพงขึ้นเกิดจากภาวะสงครามและมาตรการค่ำบาตรของยุโรป ซึ่งไม่มีอะไรมาก เพราะมันเป็นวัฏจักรเศรษฐกิจที่วนเวียนแบบนี้
.
ขณะที่มองตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังถือเป็นจุดน่าซื้อ เพราะเชื่อว่าปีหน้าตลาดหุ้นจะดีขึ้น เนื่องจากจะมีการจัดเลือกตั้งในประเทศ ซึ่งตามสถิติตลาดหุ้นมักตอบสนองในเชิงบวกอยู่แล้ว ประกอบกับคาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจเจอแบบนี้เรื่อยๆน่าจะส่งผลให้การลดงบดุลหรือการดึงเงินกลับอาจทำได้ยากและจะส่งผลให้สภาพคล่องอาจไหลออกแบบช้าลง ทำให้มีพอมีรูมในการลงทุนได้บ้าง
.
ส่วนด้านกลยุทธ์การลงทุน ส่วนตัวเริ่มกลับมาเก็บหุ้นบ้างแล้ว เพราะไม่กลัวตลาด เนื่องจากได้ปรับพอร์ตตั้งแต่ช่วงต้นปีไปแล้ว โดยเน้นถือเงินสดมากขึ้นเพื่อรอจังหวะ แต่การเข้าซื้อจะทำแบบระมัดระวัง ไม่รีบร้อน และเน้นกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์เป็นหลัก
.
"พอร์ตลงทุนในช่วงนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) ยังไม่ได้เป็นบวก เพราะก่อนหน้านี้เน้นถือเงินสดเพื่อรอจังหวะ พร้อมยอมรับปีนี้เป็นปีที่การลงทุนค่อนข้างยากและไม่หมู" หมอวิน กล่าว
