“นักลงทุนในประเทศ”...ปัจจัยสำคัญ ‘ค้ำดัชนี’ ไม่ให้ต่ำกว่าโลว์เดิม!!!
หากติดตามการความเคลื่อนไหวของ ‘SET Index’ ช่วง 4 เดือนแรก จะเห็นได้ว่าตัวดัชนียังคงติดลบ 17.61% จากการระบาด ‘ไวรัส COVID–19’ ที่สร้างความกังวลแก่นักลงทุนต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน
ซึ่งแม้ว่าดัชนีจะเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม จนปัจจุบัน (30 เมษายน 63) อยู่ที่ระดับ 1,301.66 จุด แต่ดูเหมือนว่าตลาดยังไม่พ้นจากฝันร้ายที่ต้องเผชิญ
ไม่ว่าจะเป็นการประกาศผลการดำเนินไตรมาส1/63 ที่จะทำให้นักลงทุนเห็นถึงผลกระทบการไวรัส COVID-19 อย่างเป็นรูปธรรมและ ‘Sell in May and Go Away’ เป็นเหตุการณ์ที่นักลงทุนขายหุ้นทำกำไรในช่วงเดือนพฤษภาคม จากนั้นจะรอให้ตลาดปรับฐานลงถึง ‘จุดต่ำสุด’
ในวันนี้ทาง ‘Wealthy Thai’ จึงได้นำมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ ฝั่งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อย่าง “บลจ. กสิกรไทย” ที่มี “ธิดาศิริ ศรีสมิต” รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน เป็นผู้ให้ข้อมูล มาแชร์ให้ผู้อ่านได้ฟังกัน
SET Q2/63 ยังคง “ผันผวน”...เจอประกาศงบQ1/63 กดดัน
ทิศทางตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2/63 ยังคงผันผวน จากแรงกดดันการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 ซึ่งอาจจะกดดันดัชนีลดต่ำลงจาก 1,200 จุด แต่การปรับลงในรอบนี้จะไม่น่าจะต่ำจาก ‘จุดต่ำสุด’ เดิมที่ 970 จุด
“ทุกตลาด ทุกสินทรัพย์ รีบาวด์กลับขึ้นมาเกินครึ่งทาง หุ้นไทยก็เช่นเดียวกันปรับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดประมาณ 20% แล้ว แต่ ‘นักลงทุนต่างชาติ’ ก็ยังคงขายสุทธิอยู่ 1.62 แสนล้านบาท ถือว่ามีสัดส่วนในตลาดหุ้นไทยน้อยแล้วเพราะในปี2019 ก็ขาย ในขณะที่ ‘กองทุน’ และ ‘นักลงทุน’ ในประเทศ มีการถือครองเงินสดในระดับที่สูง พร้อมจะกลับเข้ามาลงทุน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่ปรับตัวลงไปต่ำกว่าที่เคยเป็นนั่นเอง”
แต่อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2/63 จะเห็นผลกระทบการระบาดไวรัส COVID-19 ต่อผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนเข้ามาเต็มไตรมาส ซึ่งคาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 63 จะติดลบจากปีก่อนหน้าประมาณ 20% จากเดิมที่คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 5-6%
ส่วนสถานการณ์การระบาดไวรัส COVID-19 ในปัจจุบันตัวเลขผู้ติดเชื้อได้มีการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทยอยเห็นการผ่อนคลายและปลดการล็อกดาวน์ลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เชื่อว่าการผลิตวัคซีนออกมารักษาโรคได้จะเป็นปัจจัยสำคัญ
GDP ปีนี้ คาด -5.0%...เซ่นพิษ ‘COVID-19’
วิกฤต COVID-19 ครั้งนี้ทำเศรษฐกิจทั่วโลกตกอยู่ในสภาวะถดถอยที่รุนแรง จะเห็นการปรับตัวลงของเศรษฐกิจลึกกว่าเมื่อครั้งวิกฤติการเงินโลกในปี2008 และมีการใช้นโยบายการเงินและนโยบายการคลังคิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP ค่อนข้างสูง
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจของไทยยังคงได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงผลกระทบของสถานการณ์ COVID-19 ที่จะเป็นปัจจัยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับต่ำสุด และคาดว่ามีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เพื่อเสริมสภาพคล่องและสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดตราสารหนี้
ซึ่งสถานการณ์ COVID-19 ประมาณ 50% กระทบกลุ่ม ‘แรงงานนอกระบบ’ มากที่สุด เพราะไม่มีความคุ้มครองด้านสังคมเลยจากการเลิกจ้างงาน ส่วนภาคบริการและการท่องเที่ยวได้ผลกระทบค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับภูมิภาค อย่างไรก็ตามการใช้มาตรการ ‘Social Distancing’ ค่อนข้างมีประสิทธิผลกว่าเพื่อนบ้านเช่นเดียวกัน
ลุ้น SET ปลายปีแตะ 1,350 จุด อิง Forward P/E 15 เท่า
ดัชนีตลาดหุ้นไทย สิ้นปีนี้บริษัทประเมินว่าหากตลาดมีการปรับตัวลง ถือเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนเพื่อผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งคาดดัชนีปลายปีแตะ 1,350 จุด บนสมมติฐานว่าสถานการณ์ COVID-19 สามารถควบคุมได้ภายในไตรมาสที่ 2 สะท้อน Forward P/E ปี 2564 ที่ 15 เท่า
สำหรับกลยุทธ์ลงทุน เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่สามารถเติบโตในสภาวะที่เศรษฐกิจ หุ้นกลุ่มที่มีงบการเงินที่แข็งแกร่งและกระแสเงินสดที่มั่นคง หุ้นกลุ่มที่ประเมินแนวโน้มผลประกอบการได้ค่อนข้างชัดเจน ธุรกิจที่สามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วหลังจากการระบาดสามารถควบคุมได้ สุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ระดับ valuation ที่เหมาะสม หุ้นดีในระดับราคาที่เหมาะสมจะเป็นโอกาสของการลงทุน
ฝากอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่ม Consumer Finance กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มพาณิชย์ Consumer staple และกลุ่มขนส่งทางราง ซึ่งอาจจะต้องดูจังหวะในเข้าลงทุนให้ดี เนื่องจากมูลค่าหุ้นบางตัวขึ้นสูงเกินพื้นฐาน
ช่วงสั้น “ฟันด์โฟลด์” ยังไม่เข้า... ‘ตลาดหุ้นไทย’ ความน่าสนใจยังน้อย
แม้ว่า ‘ตลาดหุ้นไทย’ รวมถึง ‘หุ้นอาเซียน’ ในช่วงที่ผ่านมาจะมีการปรับตัวลดลงในระดับที่ค่อนข้างถูก แต่ในปัจจุบันหากเทียบกับทั่วโลก ระดับความน่าสนใจยังค่อนข้างน้อย ต่างชาติเองก็ขายหุ้นไทยออกไปค่อนข้างเยอะ ‘เงินต่างชาติ’ ที่อยู่เป็นกลุ่มนักลงทุนระยะยาวที่ Buy and Hold มากกว่า ดังนั้นคงไม่ขายแบบ Aggressive แล้ว ดังนั้นผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยคงไม่มาก
“แต่โอกาสที่เงินต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาในตลาดไทยก่อนตลาดอื่นก็ค่อนข้างน้อยเช่นกัน ดังนั้นเม็ดเงินของนักลงทุนในประเทศจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยจากนี้ไป”
ในทุก ‘วิกฤต’ ย่อมี ‘โอกาส’ อยู่เสมอ ในตลาดหุ้นไทยก็เช่นเดียวกัน วันหนึ่งวิกฤตก็จะผ่านไปทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในอนาคต อยู่แค่จะ ‘ช้า’ หรือ ‘เร็ว’ เท่านั้นเอง หากเลือกลงทุนในธุรกิจที่จะกลับมาได้เร็วเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตรงนั้นก็คือหนึ่งในโอกาสที่ไม่ควรละเลย และนี่คือมุมมอง ‘ตลาดหุ้นไทย’ ผ่านมุมมองของ “บลจ.กสิกรไทย”
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก