ห้องเม่าปีกเหล็ก

วงจรอุบาทว์ตลาดหุ้น(1)

โดย Financial Investor
เผยแพร่ :
67 views

เพิ่มทุน ซื้อทรัพย์สิน ผ่องถ่ายเงิน
       
             จะมีใครสังเกตบ้างหรือไม่ว่า เดี๋ยวนี้ หุ้นที่มีพฤติกรรมปั่นอย่างหวือหวา เย้ยฟ้าท้าดิน เริ่มจางหายไป และการกล่าวโทษคดีปั่นหุ้น ขาดช่วงไปพักใหญ่แล้ว


             สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ได้ มีมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้น และบรรดาขาใหญ่ เจ้ามือหรือแก๊งปั่นหุ้น ไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหน ยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาในตลาดหุ้น ไม่ได้หยุดพฤติกรรมปล้นนักลงทุนแต่อย่างใด


             แต่กลุ่มมิจฉาชีพมีวิธีการอื่น ในการตักตวงความมั่นคั่งจากตลาดหุ้น ซึ่งง่าย สะดวกและปลอดภัยมากกว่าการปั่นหุ้น โดยก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ยังทำอะไรไม่ได้กับเทคนิคการสูบเงินรูปแบบใหม่


             นักลงทุนขาใหญ่ เจ้ามือหุ้นหรือแก๊งปั่นหุ้น กระจายตัวอยู่ในตลาดหุ้น สร้างฐานที่มั่นตามบริษัทจดทะเบียนต่างๆ และผลักดันแผนปล้นเงินผู้ถือหุ้นรายย่อยออกมาเป็นระยะ


              การปล้นเงินจากตลาดหุ้นตลอดระยะเวลากว่า40กว่าปีที่ผ่านมา มักเป็นไปในรูปแบบที่ซ้ำซาก แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว การปั่นหุ้นกลายเป็นวิธีการที่ล้าสมัย การสูบเงินยุคใหม่ เป็นไปในรูปแบบการเพิ่มทุน ซื้อทรัพย์สิน เพื่อผ่องถ่ายเงินออก


              อย่าแปลกใจว่า ทำไมบริษัทจดทะเบียนจึงประกาศเพิ่มทุนกันแทบจะเป็นรายวัน เพราะการเพิ่มทุนเป็นกลไกสำคัญในการสูบเงินจากนักลงทุนรายย่อย


              ตั้งแต่ต้นปี บริษัทจดทะเบียนประกาศเพิ่มทุนแล้วนับสิบๆแห่ง เพิ่มทุนขายผู้ถือหุ้นเดิมก็มี เพิ่มทุนขายบุคคลในวงจำกัด(พีพี)ก็ไม่น้อย หรือขายทั้งผู้ถือหุ้นเดิมควบคู่กับขายพีพีก็หลายบริษัท


              บริษัทจดทะเบียนบางแห่ง เพิ่มทุนถี่ยิบ ในรอบ 3 ปีเพิ่มทุนนับสิบครั้ง ออกหุ้นใหม่ขายเปรอะไปหมด ระดมทุนจนผู้ถือหุ้นเอียน


             เมื่อเพิ่มทุนสำเร็จ เงินที่ผู้ถือหุ้นอัดใส่ลงไป จ
             แม้ที่ปรึกษาการเงินอิสระจะคัดค้านการซื้อทรัพย์สิน เพราะประเมินแล้วราคาสูงเกินจริง แต่ฝ่ายบริหารบริษัทจดทะเบียนยังดันทุรัง ซื้อทรัพย์สินจนได้


             ผลที่ตามมาคือ ทรัพย์สินที่ซื้อมาให้ผลตอบแทนไม่คุ้ม บางกรณีต้องขายทรัพย์สินภายหลังในราคาที่ขาดทุน เงินที่ปล่อยกู้บริษัทลูก เกิดความเสียหาย ลงท้ายด้วยผลประกอบการของบริษัทฯขาดทุน โดยบางบริษัทขาดทุนต่อเนื่อง 4-5 ปี


              การเพิ่มทุน ซื้อทรัพย์สิน กลายเป็นสูตรสำเร็จของแก๊งมิจฉาชีพ เพราะสามารถผ่องถ่ายเงินของผู้ถือหุ้นอย่างง่ายดาย และก.ล.ต.หรือตลาดหลักทรัพย์ก็เล่นงานไม่ได้


              อย่างมากก็ขอคำชี้แจงเหตุผลการเพิ่มทุน อย่างดีก็ขอให้ชี้แจงถึงรายละเอียดการซื้อทรัพย์สิน ซึ่งบริษัทจดทะเบียนเพียงแค่จ้างนักบัญชี จ้างนักกฎหมาย จ้างที่ปรึกษาการเงินมาร่างสำนวนแจงกลับตลาดหลักทรัพย์ฯก็จบ


              แก๊งมิจฉาชีพยุคใหม่มีความหลากหลาย ไม่จำกัดเฉพาะนักลงทุนขาใหญ่เท่านั้น แต่มีทั้งเซียนหุ้น มีทั้งเสี่ยหุ้น มีทั้งนักการเมือง อดีตข้าราชการมีสียศใหญ่โตร่วมวงด้วย หรือแม้กระทั้งกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เรียกว่าทุกสาขาอาชีพร่วมวงสูบเงินจากตลาดหุ้นด้วยหมด


              แก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ จะเลือกบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในสภาพตายซาก ส่องหาหุ้นเน่าที่ถูกปั่นจนช้ำแล้ว เพื่อเข้าไปสร้างฐานที่มั่น ภายใต้เงื่อนไข โครงสร้างผู้ถือหุ้นจะเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยเกือบทั้งหมด เพราะจะคุมอำนาจการบริหารได้เบ็ดเสร็จ


              เมื่อยึดอำนาจการบริหารได้ ปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริษัทใหม่เรียบร้อย กระบวนการปล่อยข่าวดี สร้างนวนิยายขายฝันอนาคตอันสดใสของบริษัทจะเริ่มขึ้น เพื่อชักจูงแมลงเม่าให้แห่เข้ามาเก็งกำไร ก่อนจะตบท้ายด้วยการประกาศเพิ่มทุน


              เพิ่มทุนแล้วก็ผ่องถ่ายเงินไปซื้อทรัพย์สิน โดยประกาศซื้อทรัพย์สินในราคาแพงเกินจริงอย่างเปิดเผย แต่แอบเจรจาเงินทอนกันลับๆ


              ยิ่งเพิ่มทุน ยิ่งซื้อทรัพย์สิน คนที่คุมเกมอู่เบื้องหลังยิ่งรวยขึ้น แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยยิ่งจนลง เพราะถูกปล้นโดนไม่รู้ตัว ยิ่งใส่เงินเพิ่มทุน ยิ่งหมดตัว


              การเพิ่มทุน ซื้อทรัพย์สิน ขยายโครงการลงทุน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ในตลาดหุ้น และดูเหมือนว่า ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ทำได้แค่ มองตาปริบๆเท่านั้น


              ทั้งที่นักลงทุนรายย่อยหลายแสนคน ต้องตกเป็นเหยื่อของแก๊งอุบาทว์ในช่วงเวลบาเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

 

ที่มา : http://www.manager.co.th 


Financial Investor