ดอลลาร์สหรัฐฯ ร่วงแรงสุดในรอบเกือบ 40 ปี
ปี 2025 ยังไม่ทันหมดครึ่งปีแรก… ดอลลาร์ก็สูญเสียมูลค่าไปแล้วกว่า 10%
ถือเป็นการ “ร่วงหนักที่สุด” นับตั้งแต่ช่วงวิกฤตยุค 1980s
ใครถือเงินสดดอลลาร์ตอนนี้… เงินนั้นกำลังหายไปทุกวัน

เกิดอะไรขึ้นกับค่าเงินของประเทศที่เคยทรงอิทธิพลที่สุดในโลก?
ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าค่าเงินทั่วโลก
ลดลงมากกว่า 10% ตั้งแต่ต้นปี
เทียบง่ายๆ คือ ถ้าคุณถือดอลลาร์ 100 บาท เมื่อต้นปี
วันนี้เหลือเพียง 90 บาทในแง่ของ “มูลค่าที่แท้จริง”
ปัจจัยที่กดดันดอลลาร์ให้ดิ่งลง
ความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะลดดอกเบี้ยเร็วและแรง
เงินเฟ้อเริ่มนิ่งลง
ตลาดแรงงานเริ่มอ่อนตัว
นักลงทุนประเมินว่าเฟดอาจ “หั่นดอกเบี้ย” มากถึง 1.25–1.75% ภายในปีหน้า
→ เงินไหลออกจากสหรัฐ → ดอลลาร์อ่อน
ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ
แรงกดดันต่อเฟดจากนักการเมือง
ความไม่มั่นใจว่าเฟดยังเป็นอิสระหรือไม่
การเมืองภายในที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ
การทยอยลดการถือครองดอลลาร์ของประเทศคู่แข่ง
จีน, รัสเซีย, อินเดีย, บราซิล เพิ่มการถือทองคำ
กองทุนระดับโลกทยอย “short” ดอลลาร์และโยกเงินไปสินทรัพย์จริง
มูดี้ส์ และ S&P พูดชัดเจนว่า “ความเสี่ยงระยะยาวของดอลลาร์กำลังเพิ่มขึ้น”
แล้วคนไทยต้องสนใจเรื่องนี้ไหม?
ต้องสนใจมากครับ!
เพราะดอลลาร์อ่อน = ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่ง
คนที่ถือสินทรัพย์จริงในตลาดเกิดใหม่ (เช่น ไทย เวียดนาม อินโดฯ) ได้เปรียบ
นักลงทุนไทยที่ถือ USD Cash อาจกำลัง “ขาดทุนแบบไม่รู้ตัว”
หุ้นบริษัทส่งออกไทย อาจได้รับอานิสงส์ระยะสั้น
แล้วนักลงทุนระดับโลกเขาทำอะไรกัน?
หนีจาก USD → เข้าทองคำ
– ราคาทองคำแตะระดับ $2,400 อีกครั้ง
– หลายคนเชื่อว่าเป้า $3,000 ยังเป็นไปได้ในยุคที่ดอลลาร์อ่อน
เข้าซื้อสินทรัพย์จริง (Real Assets)
– ที่ดิน
– อสังหาฯ
– โครงสร้างพื้นฐาน
ลงทุนในประเทศที่ดอกเบี้ยสูง และมีแนวโน้มเศรษฐกิจบวก เช่น ประเทศอาเซียน
สรุป:
“นี่อาจไม่ใช่แค่การอ่อนค่าชั่วคราว แต่คือสัญญาณการเปลี่ยนยุคของระบบการเงินโลก”
ใครที่ยังถือเงินสดไว้เฉยๆ โดยไม่ได้วางแผนกระจายความเสี่ยง
อาจพบว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า… เงินนั้น “ซื้อของได้น้อยลงเรื่อยๆ”
นี่คือเหตุผลว่าทำไม นักลงทุนมืออาชีพจึงถือ
ทอง
อสังหาฯ
หุ้นคุณภาพในตลาดเกิดใหม่
มากกว่าเงินสดที่นอนนิ่งอยู่ในบัญชี
ขอบคุณที่มาจาก… KIM Property Live