ห้องเม่าปีกเหล็ก

ส่องแนวโน้มกำไร 5 หุ้นโรงแรม

โดย น้ำพริกปลาทู
เผยแพร่ :
438 views

ส่องแนวโน้มกำไร 5 หุ้นโรงแรม

ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น

 

.

นับจากที่ประเทศจีนได้กลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง จนถึงปัจจุบันนี้ก็ถือเป็นระยะเวลาครบ 1 เดือนเต็ม ซึ่งสัญญาณเศรษฐกิจหลายประเทศในช่วงที่ผ่านมาก็ตอบรับเชิงบวกมากขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวกลับมา แน่นอนว่าประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับประโยชน์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน

.

โดยมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าไทยในเดือน ม.ค. 66 มากกว่า 9 หมื่นรายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ธ.ค. 65 จำนวน 5 หมื่นราย ซึ่งคาดการณ์เป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนมาไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 7-8 ล้านคน จากเดิม 5 ล้านคน ซึ่งถือว่าอยู่ระดับ 80% ของช่วงก่อนเกิด COVID-19 และไตรมาส 1/66 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยราว 3 แสนราย

.

แน่นอนอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวกลับมาอย่าง “โรงแรม” ก็ได้ทำให้นักลงทุนหลายคนกลับมามีสนใจในกลุ่มดังกล่าวด้วยเช่นกัน ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงได้การรวบรวมมุมมองการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญมาแบ่งปันให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุนที่สนใจ

.

เริ่มกัน ERW บทวิเคราะห์บล.ดาโอ ได้ให้คำแนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.60 บาท ตามการปรับกำไรเพิ่มขึ้น ที่คาดว่ามีกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 จะอยู่ที่ 147 ล้านบาท ฟื้นตัวได้ดีมาจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/64 ที่ 246 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/65 ที่ 12 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ครั้งแรกในรอบ 3 ปี

.

พร้อมกับปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 และ 2566 เพิ่มขึ้น 26% และ 11% จากการปรับอัตราการเข้าพักปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 350% จากปีก่อนหน้าและปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปีก่อนหน้า ทำให้ปี 2565 มีผลขาดทุนลดลงเป็น 317 ล้านบาท และปี 2566 พลิกกลับมามีกำไรอยู่ที่ 338 ล้านบาท

.

ด้าน CENTEL บทวิเคราะห์บล.ธนชาต ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 59 บาท เนื่องจากบริษัทเป็นผู้เล่นโดยตรงกับภาคการท่องเที่ยวที่อยู่ในช่วงกลางของรอบการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่าบริษัทจะกลับมามีกําไรสุทธิที่ 224 ล้านบาท ในปี 2565 มีกำไรสุทธิที่ 1.6 พันล้านบาท ในปี 2566 และ 2.4 พันล้านบาท ในปี 2567

.

นอกจากนี้ยังได้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์กําไรขึ้น 10% ,3% และ 5% ในปี 2565-2567 และ 15% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2568-2577 เพื่อสะท้อนการกลับมาเปิดประเทศของจีนที่เร็วกว่าคาด อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยที่สูงกว่าคาดและประโยชน์จากภาระผูกพันทางการดำเนินงานของธุรกิจในระยะยาว สัดส่วนรายได้ของ CENTEL จากจีนคิดเป็นเพียง 5% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2562

.

ขณะที่ AWC บทวิเคราะห์จากบล.พาย ให้คำแนะนำ “ถือ" และรอเข้าสะสมเมื่อราคาย่อตัว ราคาเป้าหมายที่ 6 บาท สะท้อนแนวโน้มการเติบโตของกำไรระยะยาวที่โดดเด่น แผนการขยายธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่ง และโอกาสเข้าซื้อสินทรัพย์จากโครงการที่มีสิทธิ ROFR จากกลุ่ม TCC

.

โดยในปี 2566 คาดกำไรสุทธิจะทำจุดสูงเป็นประวัติการณ์หรืออยู่ 911 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุนที่ 307 ล้านบาท(ไม่นับกำไรพิเศษจากการปรับมูลค่าสินทรัพย์) จากรายได้ธุรกิจโรงแรมแตะจุดสูงเป็นประวัติการณ์ ตามการรับรู้รายได้ 4 โรงแรมใหม่ และ ด้วยแรงหนุนจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดจะเข้ามาแตะ 27 ล้านคน ประกอบกับอุปสงค์อัดอั้นสะสมจากกลุ่ม MICE ที่คาดว่าจะคิดเป็นส่วนแบ่งรายได้ครึ่งหนึ่งของธุรกิจโรงแรมในปี 2566

.

ขณะที่คาดรายได้ค่าเช่าจากอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกปี 2566-2567 จะยังต่ำกว่า ช่วงก่อนโควิด สาเหตุจากผลงานที่ไม่ค่อยดีของโครงการ Asiatique แม้จะมีการเพิ่มธีมปาร์ค Disney เพื่อเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวใหม่ก็ตาม ในฝั่งธุรกิจอาคารสานักงานของ AWC กำลังเผชิญแรงกดดันในแง่การปรับเพิ่มค่าเช่า เพราะจะมีอุปทานใหม่เพิ่มเข้ามาจากโครงการมิกซ์ยูสในย่านธุรกิจ

.

สำหรับ MINT บทวิเคราะห์จากบล.โนมูระ พัฒนสิน ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 42 บาท ตอบรับกำไรปกติปี 2566-2567 ที่คาดโตสูงจากปีก่อนหน้าและมีโอกาสสูงกว่าคาด จากการท่องเที่ยวในยุโรปที่ยังคงแข็งแกร่ง รวมถึง MINT เป็นหนึ่งในบริษัทที่จะได้รับผลบวกเพิ่มเติมหลังจีนเปิดประเทศ ขณะที่มูลค่าหุ้นน่าสนใจ

.

โดยได้ปรับกำไรปกติ 2566-2567 เพิ่มขึ้น 31% และ 11% มาอยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 272% และ 8.3พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 42% ตามรายได้ของธุรกิจโรงแรมในยุโรปที่ยังคงแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่การบริหารต้นทุนทำได้ดี โดยมีการล็อคค่าไฟไปแล้วราว 60% ที่ระดับต่ำกว่าราคาตลาดมาก และสัดส่วนค่าไฟอีก 40% ที่ไม่ได้ล็อคจะได้รับประโยชน์จากราคาก๊าซในยุโรปที่ปรับตัวลดลง -80%

.

สุดท้าย SHR บทวิเคราะห์จากบล.โนมูระ พัฒนสิน ให้คำแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ที่ราคาเป้าหมาย 5 บาท ราคาหุ้นที่เพิ่มช่วงก่อนหน้า สะท้อนความคาดหวังการฟื้นตัวในปี 2566 มากแล้ว แต่สัญญาณการฟื้นตัวที่อาจไม่สูงเท่าที่คาด จากแรงกดดันด้านต้นทุน ในขณะที่แผนธุรกิจปี 2566 เน้นขายสินทรัพย์ไม่สร้างกำไรและเพิ่ม value-added portfolio เดิม มากกว่ามุ่งซื้อกิจการ ทำให้แผนการเพิ่มโรงแรม, แผนซื้อกิจการอยู่ในปี 2567 ซึ่งช้ากว่ากลุ่ม

.

โดยในไตรมาส 1/66 ที่ยังเป็นไฮซีซั่นในมัลดีฟส์และการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนในไทย น่าจะมีโอกาสให้กำไรปกติในไตรมาส 1/66 ดีขึ้นได้ สำหรับกำไรปกติใน 2566 คาดพลิกเป็นกำไรสุทธิได้แต่ตัวเลขอาจไม่สูงเท่าคาดเดิม จากแรงกดดันด้านต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก แต่การปรับ ADR อาจทำไม่ได้มาก ,ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นมากหลัง แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และแผนการเพิ่มโรงแรม, การซื้อกิจการเลื่อนไปปี 2567 แทน ทำให้ปรับกำไรสุทธิ 2566 ลง 34% มาอยู่ที่ 415 ล้านบาท

 

 


น้ำพริกปลาทู