Starbucks ยังมีอนาคตไหม?
เมื่อกาแฟแพงขึ้น และใจลูกค้าก็เปลี่ยนไป
..
Starbucks กำลังเจอศึกหนักที่สุดในรอบทศวรรษ
ยอดขายตก ลูกค้าหาย กำไรหด ถูกคู่แข่งในจีนแซง
และแม้แบรนด์จะแข็งแค่ไหน ก็ไม่มีใครรอดจากเศรษฐกิจที่ทำให้คนต้อง
“เปลี่ยนกาแฟเป็นน้ำเปล่า”

..
ยอดขายไม่แย่ แต่กำไรหายไปครึ่ง
ไตรมาสล่าสุดของ Starbucks แสดงภาพที่น่าคิด
– รายได้รวมยังเพิ่มขึ้นจาก 9.1 → 9.4 พันล้านดอลลาร์
– แต่ Operating Income หายไปกว่า 600 ล้าน
– Net EPS ลดลง -45% เทียบกับปีก่อน
– ต้นตอหลักคือ ต้นทุนร้านที่เพิ่มสูงอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในสหรัฐ
นี่ไม่ใช่การ “ขาดทุน” แต่คือการ หดตัวของความสามารถในการทำกำไร
ซึ่งในตลาดทุน… บางครั้งมันน่ากลัวกว่าขาดทุนเสียอีก
..
อเมริกาอิ่มตัว
จีนถูกแย่งตลาด
Starbucks เคยครองโลกด้วยโมเดลร้านกาแฟที่ให้ประสบการณ์
แต่ในปี 2025 โมเดลนี้เริ่ม มีรอยรั่ว สองด้าน
ฝั่งอเมริกา: ตลาดเริ่มอิ่มตัว ยอดขายจากร้านเดิม (Same Store Sales) เริ่มชะลอ
ลูกค้าหลายกลุ่มเจอภาวะเงินเฟ้อ → “ลด Tier การบริโภค”
แทนที่จะกิน Starbucks ทุกวัน ก็เลือกแค่สัปดาห์ละครั้ง หรือเปลี่ยนไปใช้ตัวเลือกที่ถูกกว่า
ฝั่งจีน: เจอศึกหนักจาก Luckin Coffee แบรนด์กาแฟจีนที่รุกเร็ว ถูกกว่า เสิร์ฟไวกว่า
และที่สำคัญคือ คนจีนเริ่มซื้อแบรนด์จีนมากขึ้น เพราะทั้งราคาถูก และมีอารมณ์ชาตินิยมปนอยู่
ผลคือ Starbucks ไม่ใช่ No.1 ในจีนอีกต่อไป
และกำลังถูกบีบทั้งบน-ล่าง ในตลาดที่เคยเป็นเสาหลักของการเติบโต
..
Mass Premium = จุดแข็งที่เปราะบาง
Starbucks อยู่ในกลุ่ม “Mass Premium”
คือพรีเมียมที่ยังเข้าถึงได้ เหมาะกับคนเมืองระดับกลางถึงสูง
แต่นี่แหละคือ Segment ที่เจอแรงกระแทกจากเศรษฐกิจมากที่สุด
คนที่ “ยังรักแบรนด์” อาจ ยังรักอยู่
แต่ไม่จำเป็นต้อง “ซื้อบ่อยเท่าเดิม”
พฤติกรรม “ลดระดับการใช้จ่าย” กำลังเปลี่ยนสมการของธุรกิจนี้โดยสิ้นเชิง
..
ปัญหาที่ไม่ใช่แค่เงิน: UX และความล้าสมัย
แม้ Starbucks จะปรับตัวหลายอย่าง
แต่ในสายตาของผู้บริโภคยุคใหม่ ร้านกาแฟระดับโลกยังดู “ล้าช้า” ในบางเรื่อง
– ระบบสั่งผ่านแอปที่ยังมีปัญหาเรื่องรอคิว
– รูปแบบร้านยังเน้น “นั่งกินในร้าน” มากกว่า drive-thru หรือ grab&go
– ยังไม่มีความเร็วแบบแบรนด์ใหม่ที่ “จ่าย-รับ-เดินออก” ได้ภายใน 3 นาที
และนี่คือจุดที่แบรนด์อย่าง Luckin หรือ Tim Hortons ได้เปรียบ
เพราะพวกเขาไม่ต้องแบก legacy ใด ๆ เหมือน Starbucks
..
ความหวังชื่อ Brian Nick
Starbucks ได้ CEO คนใหม่: Brian Nick
อดีตผู้พลิกฟื้น Chipotle ให้กลับมาโตระเบิดอีกครั้ง
เขาคือคนที่เข้าใจ “Growth + Margin + Experience”
และมีแผนชัดเจนว่า Starbucks ต้อง:
– ปรับระบบสั่งผ่านแอปให้ลื่น
– ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความเร็วและลดต้นทุน
– รีแบรนด์กลับไปสู่แก่นแท้: ร้านกาแฟที่ “รู้สึกดี” ไม่ใช่แค่ “ดูดี”
ตลาดให้โอกาสเขา
และนักลงทุนก็กำลังจับตาว่า Brian จะทำให้ Starbucks ฟื้นได้จริงไหม
..
สรุป: Starbucks ยังไปต่อได้ไหม?
แบรนด์ยังแข็ง
คนยังรู้จัก
สาขายังขยายได้
ธุรกิจยังทำกำไร
แต่…
Margin กำลังถูกบีบ
โมเดลร้านต้องเปลี่ยน
ความเร็วคือจุดอ่อน
ลูกค้ากำลังถูกแย่งด้วย “เหตุผลทางเศรษฐกิจ”
Starbucks ไม่ได้แพ้
แต่กำลังอยู่ในช่วงที่ต้อง กลับมาออกแบบตัวเองใหม่ทั้งหมด
และอนาคตของแบรนด์นี้… จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
..
Disclaimer
บทความนี้เพื่อการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและความเสี่ยงด้วยตนเองก่อนตัดสินใจ
ที่มาเนื้อหา. หุ้นพอร์ทระเบิด