“สินมั่นคงประกันภัย” เผยปี 65 ขาดทุนสุทธิ 3.27 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 589.11% พิษค่าสินไหมทดแทนโควิด
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 บมจ. สินมั่นคงประกันภัย (SMK) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยชี้แจงถึงงบการเงินประจำปี 2565 ซึ่งแสดงผลขาดทุนสุทธิสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 และ 2564 จำนวน 32,759 ล้านบาท และ 4,753.81 ล้านบาท ตามลำดับ ขาดทุนเพิ่มขึ้น คิดเป็น 589.11%
โดยมีรายได้รวมของบริษัทเท่ากับ 8,239.29 ล้านบาท ลดลง 2,659.48 ล้านบาท จากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 10,896.76 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลง 24.40% ซึ่งเกิดจากสาเหตุหลัก ดังนี้
1.1 เบี้ยประกันที่ถือเป็นรายได้เท่ากับ 8,095.17 ล้านบาท ลดลง 1,755.26 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 17.82 เป็นผลมาจากเบี้ยประกันสุทธิลดลงจากปีก่อนจำนวน 3,535.55 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 35.83
1.2 รายได้และกำไรจากการลงทุนลดลง 854.53 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 94.14 เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลที่ลดลง เนื่องมาจากปี 2564 มีการขายเงินลงทุนเพื่อทำกำไรจำนวน 579.73 ล้านบาท กำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมลดลง 91.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 100 เนื่องจากในปี 2564 มีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการขายเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ
2.ค่าใช้จ่ายรวมเท่ากับ 40,726.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24,322 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 148.26 จากปี 2564 ซึ่งเกิดจากสาเหตุหลักคือ ค่าสินไหมทดแทนเท่ากับ 38,181.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24,848.70 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 186.37 โดยแยกเป็นค่าสินไหมทดแทนอื่น ๆ 5,262.60 ล้านบาท และค่าสินไหมทดแทนโควิด 19 จำนวน 32,919.08 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงของการระบาดของโควิด19 จึงทำให้มีค่าสินไหมทดแทนโควิดสูง
3.กำไรจากการรับประกันภัย มีผลขาดทุนจำนวน 32,543.53 ล้านบาท เนื่องจากการรับประกันภัยโควิดประสบผลขาดทุนเป็นจำนวนเงิน 32,980.89 ล้านบาท ส่วนการับประกันภัยประเภทอื่นๆมีกำไร จำนวน 437.30 ล้านบาท
โดยสรุปสาเหตุหลักที่ทำให้ผลการดำเนินงานประสบผลขาดทุน 32,759 ล้านบาท มาจากค่าสินไหมทดแทนโควิดซึ่งมีจำนวนเงินสูงถึง 32,919.06 ล้านบาท