ห้องเม่าปีกเหล็ก

จับตาศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตานายก 8 ปี พรุ่งนี้

โดย จอมโจรลูแปง
เผยแพร่ :
158 views

หุ้นไทยผันผวนแม้อังกฤษเดินหน้าอัดสภาพคล่อง

นักวิเคราะห์หวังค่าเงินบาทเริ่มแข็งค่าดึงดูดเงินทุนไหลเข้า

จับตาศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตานายก 8 ปี พรุ่งนี้

.

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยในวันนี้ปันป่วนอย่างหนัก โดยช่วงเช้าปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก หลังธนาคารกลางอังกฤษประกาศรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยไม่จำกัดจำนวน ซึ่งส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นและตลาดการเงิน ขณะที่ช่วงบ่ายดัชนีปรับตัวลง ตามตลาดหุ้นยุโรปที่เปิดตลาดในแดนลบ

.

นักวิเคราะห์ชี้ การที่ BOE รับซื้อพันธบัตรจะส่งผลทางอ้อมต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนของไทย ระยะสั้นเงินทุนอาจชะลอตัว แต่ภาพรวมยังเห็นการไหลเข้าอยู่ และนักลงทุนรอดูความชัดเจนกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตาวาระนายก 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 30 ก.ย. นี้

.

คุณวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีทิศทางฟื้นตัวตามตลาดหุ้นทั่วโลกจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าในระยะสั้น ส่งผลให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง แต่มองเป็นเพียงการรีบาวน์ระยะสั้น

.

ภาพรวมยังไม่ได้มีปัจจัยหลักที่มาสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ ประกอบกับแรงหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าก็มาจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ประกาศรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยไม่จำกัดจำนวน เพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาด หรือลดความผันผวนของค่าเงินปอนด์ ดังนั้นเมื่อบอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลง จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นรีบาวน์ได้ โดยประเมินดัชนีทรงตัว แนวต้าน 1,615 จุด บวกลบ ยังเป็นระดับที่ผ่านได้ยาก

.

สำหรับกลยุทธ์ แนะนำ ซื้อ เมื่อดัชนีปรับลงต่ำกว่า 1,600 จุด ส่วนกลุ่มหุ้นแนะนำคือ หุ้นที่มี P/E ต่ำ และราคายังไม่ได้ไปปรับขึ้นไปสูงมากในช่วง 8-9 เดือนที่ผ่านมา เช่น หุ้นกลุ่มธนาคาร BBL และ KTB ซึ่งจะได้รับผลบวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ช่วยจำกัดดาวน์ไซด์

.

ส่วนประเด็นที่ BOE ประกาศรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยไม่จำกัดจำนวน ซึ่งผลให้บอนด์ยีลด์ทั่วโลกผ่อนคลายลง และเห็นการเคลื่อนย้ายเงินทุนมายังสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น รวมถึงมีโอกาสที่จะเห็นเงินทุนไหลเข้าไทยมากขึ้นหรือไม่นั้น

.

คุณวีระวัฒน์ มองว่าไม่ได้เกี่ยวกันโดยตรง เพราะสาเหตุที่อังกฤษประกาศรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลก็เพื่อบรรเทาผลกระทบของนโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการลดภาษีเงินได้รายบุคคลที่ส่งผลกระทบเงินปอนให้อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการประกาศรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลของอังกฤษนอกจากจะทำให้บอนด์ยีลด์ของประเทศอ่อนตัวลงแล้ว ยังส่งผลให้บอนด์ยีลด์ทั่วโลกผ่อนคลายตามไปด้วย ตลาดจึงอาจคาดหวังการกลับมาดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางอื่นๆในระยะถัดไป ส่วนค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่ามองว่าเป็นการพักตัวในช่วงสั้นหลังจากการแข็งค่าต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาบ้างนั้น มองว่าประเด็นอังกฤษไม่ได้ส่งผลต่อค่าเงินของไทยขนาดนั้น อยู่ที่ปัจจัยภายในไทยเป็นหลักมากกว่า อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นเงินทุนอาจชะลอการไหล แต่ภาพรวมยังคงเห็นการไหลเข้าอยู่

.

ด้านบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า เริ่มเห็นสัญญาณของการหยุดอ่อนค่าของค่าเงินบาท หลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงบนความคาดหมายว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ช้าลง ขณะที่ธนาคารกลางประเทศอื่นๆ เช่น EU, UK ปรับขึ้น ดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้น ขณะที่บางแห่งส่งสัญญาณในการเข้าแทรกแซงค่าเงิน ซึ่งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงก็น่าจะทำให้เงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ในทางอ้อมจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าโดยปริยาย และหนุนเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยระยะถัดไป

.

โดย 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index ปรับฐานลงมากกว่า 73 จุด เนื่องจากถูกกดดันจาก ความกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ย และค่าเงินบาทที่เร่งอ่อนค่าเร็ว กดดันให้เงินทุนชะลอ อย่างไรก็ตามแรงกดดันดังกล่าวน่าจะค่อยๆ ผ่อนคลายลง จาก

.

1. กนง. ขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% พร้อมกับให้มุมมองการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย แบบค่อยเป็นค่อยไป ตามกลไกแรงกดดันลดลง ทั้งในมุม P/E ตลาด และ Target SET Index โดยฝ่ายวิจัยประเมินดัชนีเป้าหมาย ปลายปีไว้ที่ 1730 จุด

.

2. ค่าเงินบาทมีโอกาสชะลอการอ่อนค่า ลดการสกัดกั้น Fund Flow หลังจากที่ ค่าเงินบาทขึ้นไปสูงถึง 38.46 บาทต่อดอลลาร์ (สูงสุดในรอบ 16 ปี) เริ่มย่อตัวลง และมีโอกาสชะลอการอ่อนค่า ทั้งจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของประเทศต่าง อาทิ อังกฤษและยุโรป, การเข้าแทรกแซงค่าเงินของหลายๆ ประเทศ รวมถึงเป็นช่วง High Season การท่องเที่ยวไทย (คาดหวังจีนเปิดประเทศในเดือน ต.ค.) น่าจะช่วยพยุงให้ค่าเงินบาทชะลอการอ่อนค่าในช่วงที่เหลือของปี

.

ขณะที่นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า แม้ช่วงเช้าตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในทิศทางบวก แต่นักลงทุนอาจกังวลจากปัจจัยที่ไม่แน่นอน ทั้งตลาดหุ้นยุโรปที่เปิดตลาดในแดนลบ และปัจจัยภายในประเทศที่หลายฝ่ายจับตามอง คือ กรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตาวาระนายก 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นในช่วงบ่ายออกมา กดดันดัชนีให้ปรับตัวลง

.

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดัชนีในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ย. 65) มีความเสี่ยงที่จะอยู่ในแดนลบ และค้นหาฐานใหม่ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำให้รอดูความชัดเจนจากการพิจารณาวาระนายก 8 ปี ในวันพรุ่งนี้ โดยบล.ทิสโก้ ประเมินว่าคำตัดสินจะออกมาในเชิงบวกต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่จะส่งผลเป็นกลาง (neutral ) ต่อตลาดหุ้นไทย

 

 


จอมโจรลูแปง