ห้องเม่าปีกเหล็ก

CEO 4 แบงก์ยักษ์มองเศรษฐกิจปี 63

โดย Durant
เผยแพร่ :
76 views

CEO 4 แบงก์ยักษ์มองเศรษฐกิจปี 63

การเงินธนาคาร  มีมุมมองของ 4 CEO ธนาคารขนาดใหญ่ที่ฉายภาพของเศรษฐกิจไทยในปี 2563  ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น

 

SCB ดาดจีดีพีปี 63 เติบโต 2.7%

ท่องเที่ยว-โครงการ EEC เริ่มขยับ

 

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2563 มีแนวโน้มขยายตัวประมาณ 2.7% ใกล้เคียงกับในปี 2562  ทางทีมวิจัยของธนาคารคาดว่าภาคส่งออกที่หดตัวในปีที่ผ่านมาจะเริ่มมีทิศทางทรงตัวตามสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ หลังแนวโน้มที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลง Phase 1         

               อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ของโลก อาทิ Brexit, การคว่ำบาตรอิหร่านของทางสหรัฐฯ และปัญหาการประท้วงในฮ่องกง ตลอดจนความไม่แน่นอนเชิงนโยบายทางการค้าที่ยังมีอยู่ จะเป็นความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและการส่งออกของไทยในปี 2563

               ทั้งนี้ ยังคงต้องเฝ้าระมัดระวังภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งยังมีความเปราะบางทางการเงินของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ SME ตามหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง  ส่วนด้านอุปสงค์ในประเทศภาคเอกชนมีทิศทางชะลอตัวต่อเนื่องจากรายได้ทั้งในและนอกภาคเกษตรที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง  รวมทั้งความเชื่อมั่นที่ปรับลดลง และความท้าทายจากเทคโนโลยีและการแข่งขันในภาคธุรกิจที่รุนแรงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้คุณภาพสินเชื่อโดยรวมด้อยลง และอาจทำให้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวได้ช้า

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การท่องเที่ยวที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องแม้จะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทในระดับหนึ่ง และบทบาทจากภาครัฐที่น่าจะมีปัจจัยบวกจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยเฉพาะในการผลักดันเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจมีการจัดทำเพิ่มเติม

 

BBL แนะทุกภาคส่วนต้องปรับตัว

เตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง 

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ว่า หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ประมาณ 2.8% ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการค้าในตลาดโลกที่เริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ท่ามกลางปัจจัยที่ท้าทายหลายประการทั้งจากภายนอกและภายในประเทศ โดยการบริโภคของภาคเอกชนจะยังคงทรงตัว ยอดขายรถยนต์จะยังคงซบเซาและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงจะฉุดรั้งการใช้จ่ายต่อไปอีก

               อย่างไรก็ตาม ยังพอจะมีสัญญาณในเชิงบวกบางประการ เช่น การที่รัฐบาลจะผ่อนปรนนโยบายเพื่อช่วยเหลือบางภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งสินเชื่อสำหรับเกษตรกร และการดำเนินนโยบายต่อเนื่องของรัฐบาล รวมทั้งการลงทุนโดยภาครัฐในระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือEEC ระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานคร และโครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาลในโครงการอื่น ๆ รวมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นของภาคเอกชนด้วย      นอกจากนี้ ยังจะมีการย้ายฐานการผลิตจากประเทศอื่นเข้ามาสู่ประเทศไทยเพื่อรับประโยชน์จากการปรับโครงสร้างของซัพพลายเชนระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์

               ในด้านนโยบายการเงิน หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยยังจะคงนโยบายที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนต่อไปอีกช่วงหนึ่งเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและดูแลอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทไม่ให้แข็งค่ามากเกินไป

               นายชาติศิริกล่าวว่า ในสภาวการณ์ข้างต้น ทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจไทยจะต้องปรับตัวและเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะเป็นผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น นวัตกรรมทางเทคโนโลยี วิวัฒนาการทางสังคม และรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น

               ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ที่ผ่านมาต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ประการแรก เนื่องจากระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก จึงได้รับผลกระทบโดยตรงจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและปริมาณการค้าในตลาดโลกที่ลดลง อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาคก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลกระทบต่อการส่งออก

               นอกจากนี้ การบริโภคของภาคเอกชนก็ได้รับแรงกดดันจากกำลังซื้อที่ลดลงอันเนื่องมาจากภาระหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ดังนั้น เศรษฐกิจไทยในช่วงข้างหน้านี้จึงต้องพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก

 

Kbank ชึ้ภาครัฐ เริ่มลงทุน

คาดจีพีดีปี 63 ขยายตัว 2.5-3%

 นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (Kbank) เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ยังให้ภาพที่ชะลอตัวและเผชิญหลายโจทย์ใหญ่ที่ท้าทาย โดยในเศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตได้ 2.7% หรืออยู่ในช่วงกรอบ 2.5% - 3.0% ใกล้เคียงกับปี 2562 ที่น่าจะขยายตัวได้ที่ 2.5%  โดยแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยคงหวังพึ่งพิงการใช้จ่ายของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐ หลังมีการผ่านร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในไตรมาสแรกของปี 2563 

               รวมถึงมีกระบวนการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินใหม่ ๆ หมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน อย่างไรก็ตาม แรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยดังกล่าว ยังต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยการเมืองที่จะมีผลต่อกระบวนการผ่านร่างกฎหมายต่าง ๆ รวมถึง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ด้วย 

               ในขณะที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกดูเหมือนจะผ่อนคลายลงจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงประเด็น Brexit ที่มีสัญญาณเป็นบวก โดยการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ และจีนส่งผลให้สหรัฐฯ เลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในส่วนที่เหลือ รวมทั้งปรับลดอัตราภาษีที่เก็บจากจีนมูลค่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์ฯ จาก 15 %เหลือ 7.5 %อย่างไรก็ตาม

               “ประเด็นดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนอยู่ หากจีนไม่สามารถที่จะทำตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ โดยเฉพาะในเรื่องของการนำเข้าสินค้าเพิ่มจากสหรัฐฯ ส่งผลให้สหรัฐฯ สามารถที่จะกลับมาเก็บภาษีนำเข้าอีกครั้ง”

               นอกจากนี้ การเจรจาการค้าในเฟสต่อไปเพื่อนำไปสู่การปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าอย่างมีนัยสำคัญยังมีความยากและซับซ้อนสูง รวมทั้งยังมีประเด็นการเมืองระหว่างประเทศด้านอื่น ๆ ที่ทำให้ความเสี่ยงที่สถานการณ์ข้อพิพาททางการค้าอาจบานปลายออกไปในระยะข้างหน้าได้ ดังนั้น แนวโน้มการส่งออกของไทยยังคงได้รับผลจากความไม่แน่นอนดังกล่าว

               รวมถึงทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจหลักของโลกอย่างจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และยูโรโซน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย ค่าเงินบาทที่ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าจากปัจจัยโครงสร้างอย่างการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดก็ยังเป็นปัจจัยที่กดดันขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านราคา ซึ่งปัจจัยทั้งหมดดังกล่าวยังมีผลให้การส่งออกสินค้าไทยในปี 2563 จะยังไม่ขยายตัวเป็นบวก

 

BAY คาดจีพีดีปี 63 เติบโต 2.5%

ท่องเที่ยว-ลงทุนภาครัฐหนุน

นายเซอิจิโระอาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  (BAY) เปิดเผยว่า ในปี 2563 เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงการขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัว ธนาคารคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 2.5% ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากที่คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2562 ที่ 2.4%

               โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และโครงการลงทุนของภาครัฐ รวมทั้งการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย ถึงแม้ว่าความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอกประเทศจะเพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศหลักๆ และนโยบายการค้าของสหรัฐฯและจีน อย่างไรก็ตาม การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในปีหน้า จะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


Durant