คอลัมน์ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ โดย ชาย มโนภาส (คนขายของ)
หลักการลงทุนโดยการเลือกลงทุนใน "หุ้นใกล้ตัว" ซึ่งหมายถึงหุ้นที่เราคุ้นเคยกันดีในชีวิตประจำวัน เช่น ร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาล ร้านอาหาร หรือสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นที่นิยมกันในหมู่นักลงทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นของกิจการใกล้ตัวเหล่านี้มีราคาพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปัจจุบันดูเหมือนว่าโอกาสจะทำกำไรในการลงทุนในหุ้นเหล่านี้คงจะมีไม่มาก
ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่าหุ้นของกิจการที่ไม่ได้เป็นที่คุ้นเคยกันในชีวิตประจำวัน จะมีโอกาสที่ตลาดจะให้ราคาสูง ๆ แบบพวกหุ้นใกล้ตัวกันบ้างไหม ? ประเด็นนี้ทำให้ผมลองค้นหากรณีศึกษาของตลาดหุ้นซึ่งมีประวัติยาวนานอย่างสหรัฐอเมริกาดูว่า โอกาสที่ตลาดจะให้ผลตอบแทนสูง ๆ กับหุ้นไกลตัวนั้น พอจะเป็นไปได้หรือไม่ ?
เชนร้านอาหารของอเมริกาล้วนเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักลงทุน ไม่ว่าหุ้น McDonald"s หรือหุ้น YUM ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์อย่าง Pizza Hut และ KFC หุ้นใกล้ตัวเหล่านี้ให้ผลตอบแทนประมาณ 200 กว่าเปอร์เซ็นต์ในรอบสิบปีที่ผ่านมา
แต่มีกิจการหนึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของกิจการเหล่านี้ แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่นักลงทุน คือ บริษัท Middleby Corp (MIDD) ซึ่งเป็นกิจการผลิตและจำหน่ายเครื่องครัว พวกเครื่องอบพิซซ่า เครื่องทอดมันฝรั่ง เตาประกอบอาหาร เป็นต้น
เนื่องจาก MIDD อยู่ในกลุ่มอุตสากรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิต อาจทำให้นักลงทุนหลายคนดูแคลนว่า ไม่น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่า กิจการร้านอาหาร ซึ่งเป็นกิจการซึ่งสร้างกระแสเงินสดได้สูง แต่ปรากฏว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาหุ้นของ MIDD ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า MCD และ YUM ราว 4 เท่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?
จากการศึกษากิจการของ MIDD พบว่า วงจรเงินสดอยู่ที่ราว ๆ 110 วัน ขณะที่ร้านอาหารของ YUM วงจรเงินสดติดลบถึง 60 วัน ถ้าดูในแง่นี้ดูเหมือนว่า YUM จะได้เปรียบมากกว่า แต่หากเรามาดูเรื่องการแข่งขันกลับพบว่า ธุรกิจเชนร้านอาหารนั้นมีการแข่งขันสูงมาก แต่ในธุรกิจเครื่องครัวสำหรับร้านอาหาร MIDD ดูเหมือนจะหาคู่แข่งที่ทัดเทียมกันยังไม่ได้ นอกจากนั้น MIDD ยังคงดำเนินนโยบายซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์และแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง
ในปี2001 ขณะที่ YUM มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 12.5% MIDD ทำได้ 7.8% แต่ผ่านมา 15 ปี ปัจจุบันทั้งสองกิจการมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ใกล้เคียงกัน คือ 16% และในช่วงเดียวกันรายได้ของ MIDD โตขึ้นมา 20 เท่า ขณะที่ YUM ทำได้แค่ 2 เท่า เพราะในช่วงที่ผ่านมาเชนร้านอาหารมีการขยายสาขากันอย่างมาก และไม่ว่าแบรนด์ไหนก็ล้วนแต่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ MIDD รวมทั้ง YUM และคู่แข่งต่าง ๆ ของ YUM
ด้วยนวัตกรรมก็ดูเหมือนเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ซึ่งช่วยผลักดันให้ MIDD โตได้แบบก้าวกระโดด เมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งช่วยให้กิจการร้านอาหารจัดการกับเศษอาหารที่ลูกค้าทานเหลือ โดยจะช่วยเปลี่ยนเศษอาหารให้กลายเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งสามารถขายให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวลได้ ซึ่งมีการประเมินว่าในอเมริกาอาหารที่ถูกทิ้งหรือว่าเน่าเสียก่อนการบริโภคมีมูลค่าสูงถึง 165 พันล้านเหรียญในแต่ละปี ทำให้ธุรกิจนี้ของ MIDD น่าจะเติบโตได้อีกมากในอนาคต
นอกเหนือจากกรณีของ MIDD แล้ว ผมได้ลองศึกษาหุ้นในอเมริกาที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในรอบ 30 ปี และ 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในรอบ 30 ปีของอเมริกากลับเป็นหุ้นไกลตัวมาก เป็นกิจการที่ต้องมีความรู้เฉพาะทางทางด้าน Food Science ถึงจะเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์ แต่ถ้าใครศึกษาทางธุรกิจนี้มาอย่างดี และได้ลงทุนไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว จากเงินลงทุน 1 แสนบาท ก็จะกลายมาเป็น 100 ล้านในปัจจุบัน
ส่วนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่หุ้น amazon.com หรือ Google หรือ Apple แต่อย่างใด กลับเป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมยาเฉพาะทาง ซึ่งบริษัทมีผลิตภัณฑ์หลักอยู่แค่ตัวเดียว โดยราคาขึ้นมาถึง 65 เท่าในช่วง 10 ปี ผมได้มีโอกาสเข้าไปดูพรีเซนเตชั่นของบริษัท อ่านดูแล้วรู้สึกว่าแทบไม่เข้าใจอะไรเลย เหมือนเป็นการเลกเชอร์ความรู้ทางการแพทย์ที่ยากและซับซ้อน
ปัจจุบันเมื่อ "หุ้นใกล้ตัว" ดูเหมือนว่าราคาจะค่อนข้างแพงแล้ว โอกาสการลงทุนก็อาจจะยังพอมีใน "หุ้นไกลตัว" อยู่บ้าง แต่ทั้งนี้นักลงทุนควรตระหนักว่า การทำความเข้าใจธุรกิจของหุ้นที่เราไม่มีความคุ้นเคยนั้น เป็นเรื่องที่ต้องทำการศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน กรณีศึกษาที่ยกมาข้างต้นนั้นเพื่อชี้ให้เห็นว่า โอกาสการลงทุนนั้นมีอยู่ในหลายอุตสาหกรรม หลายธุรกิจ ไม่ได้จำกัดเฉพาะกิจการที่เรากินเราใช้ในประจำวันเท่านั้น หากนักลงทุนสามารถขยายขอบเขตของความรู้ความเข้าใจออกไปในหลากหลายอุตสาหกรรมได้
เหมือนแม่ทัพผู้เชี่ยวชาญการศึกผู้ซึ่งสามารถปรับกลยุทธ์ได้ในทุกรูปแบบการรบ ความสามารถในการทำกำไรจากตลาดหุ้นของเขา คงใกล้เคียงกับคำฝรั่งที่ว่า "Sky is the Limit"