ป๊าชอบคำนี้มากๆๆเลยครับ ป๊าได้อ่านใน FB ของคุณหมอมานพ ท่านเป็นอาจารย์ที่คณะแพทยศาสตร์ ที่ศิริราช ทานได้สอนหลักการลูกศิษย์ที่เป็นแพทย์ หลักการในการดำรงชีวิต ห้ามเป็นหนี้ ให้เก็บออม ช่วยสังคม แต่มีข้อหนึ่ง ที่ป๊าชอบมากๆ คือ อย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว เป็นถึงหมอ จะทำอะไรก็ได้ ท่านสอนไว้ว่า.....
ตลาดหุ้นไม่ใช่โรงเจ ไม่ใช่โรงทาน ที่ใครๆจะเข้ามาหยิบฉวย รอรับของฟรีๆๆได้ง่ายๆ พอถึงฤดูกาล ก็มีการโยนทาน คนที่อยู่ข้างล่างก็รอกันแย่งของที่โยนลงมา มีแต่ได้ ไม่มีเสีย
แต่ในความเป็นจริงในตลาดหุ้น มีคนเสียหายกลายเป็นผู้แพ้จำนวนมาก มากกว่า70% คือนับจำนวนคน ที่มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์นะครับ ไม่ได้นับเม็ดเงินได้เสีย กันทั้งหมดสาเหตุคืออะไรครับ
เพราะตลาดหุ้นคิดจะเล่น มันง่ายมากน่ะสิครับ แค่มีเงินก็มาเปิด บัญชี ซื้อขาย ก็กลายเป็นนักลงทุนแล้ว จากนั้นก็คอยฟัง คอยถาม ว่าจะซื้ออะไรดี แค่นี้เองครับ (คิดว่ามันจะรวย โตเป็น10เด้ง เหมือนที่คนอื่นกลายเสี่ยนู่น เสี่ยนี่กัน...)
บางคนinbox มาว่ามีเงินเก็บ 80,000 บาท อยากจะรวย ถามว่าให้ซื้อตัวไหน?
บางคนก็มีอาชีพที่ตัวเองถนัด ค้าขายเก่ง ดำรงชีพได้ดี ร่ำรวยจากอาชีพของตัวเอง แต่ฟังว่าคนเล่นหุ้นแล้วรวย ก็เลยคิดจะมาเล่นหุ้น
พนักงานธนาคาร เห็นลูกค้าที่เป็นนักลงทุนร่ำรวยจากการเล่นหุ้น ตัวเองก็มาเปิด บัญชีเล่นหุ้นบ้าง ไม่เห็นยากอะไรเลย
คนขายปลาทูที่ตลาด เชี่ยวชาญเรื่องปลาทู หาตัวจับยาก ก็หันมาจะเล่นหุ้น
อีกเยอะๆๆๆๆๆๆๆ
ทุกๆคนฟังแต่คนชนะ ร่ำรวย มีอิสระภาพทางการเงิน เลยละทิ้งสิ่งที่ตนถนัด การจะเป็นนักลงทุน มันต้องใช้เวลา เตรียมตัวเราอยู่มากๆๆๆๆ (ตามที่หมอฝนเคยพูด การเตรียมตัวของหนู คือ หนูอ่านหนังสือทุกเล่มที่มีคำว่า “หุ้น”) แค่นั้นยังไม่พอ รู้ทฤษฎีแล้ว ยังต้องใช้เวลากับประสบการณ์อีก ต้องลองผิดลองดู
แค่เราจะเปิดร้านอาหารสักร้าน ต้องดูทำเล การจัดร้าน แอร์ ตะเกียบ ช้อน พนักงาน คนล้างจาน ห้องน้ำ อีกเยอะแยะๆๆๆๆ มากมาย
การลงทุนมันไม่ใช่แค่มีเงินแล้วเปิดบัญชี แล้วถาม ฟังคนอื่นแล้วเราจะเป็นเสี่ยกันได้นะครับ
>>> ตลาดหุ้นไม่ใช่โรงเจ <<< cr พ่อสอนลูกลงทุน