ธนาคารโลก หั่นเป้าจีดีพีไทยปีหน้าเหลือโต 3.6% จากเดิม 4.3% รับส่งออกชะลอตัว
เวิลด์แบงก์หั่นเป้าปีหน้าเหลือโต 3.6% ลดลงจากเดิมคาด 4.3% เหตุอุปสงค์โลกชะลอโดยเฉพาะคู่ค้าหลัก อย่าง สหรัฐ จีน ยูโรโซน กระทบส่งออก ฟากคลังมองจีดีพีไทยปีนี้โต 3.4% - ปีหน้า 3.8% รับอานิสงส์ท่องเที่ยวหนุน
.
นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยในงาน THAILAND ECONOMIC MONITOR จัดโดยธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.4% และ 3.6% ในปี 66 ซึ่งจากเดิมคาดว่าปี 66 จะขยายตัวได้ 4.3% โดยการปรับลดประมาณการลงเป็นผลจากการชะลอตัวของอุปสงค์โลกที่เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนยังเป็นปัจจัยหลักในการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
.
ปัจจุบัน พบว่า ไทยประสบปัญหาการส่งออกสินค้าที่ชะลอตัวลง ซึ่งใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆในอาเซียน สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยในปี 66 คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 2.1% ลดลงอย่างมากจากที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 8.1% ในปีนี้ โดยการปรับลดลงสะท้อนถึงอุปสงค์ที่ลดลงจากประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐ จีน ยูโรโซน เป็นต้น
.
ด้านนายฟาบริซิโอ ซาร์โคเน ผู้จัดการธนาคารโลก ประจำประเทศไทย ระบุว่า ประเทศไทยกำลังกลับเข้าสู่เส้นทางของการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงหลังจากการระบาดของไวรัสโควิด การเพิ่มพื้นที่การคลังให้เพียงพอสำหรับความต้องการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและเพื่อรองรับผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องดำเนินการ
.
ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการทางการคลังเพื่อรองรับสถานการณ์โควิด-19 ได้ช่วยบรรเทาผลกระทบของวิกฤติที่มีต่อสวัสดิการของครัวเรือนได้อย่างมาก แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัว แต่คาดว่าจะความยากจนจะเพิ่มขึ้นเป็น 6.6% ในปี 65 จาก 6.4% ในปี 64 เนื่องจากมาตรการบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 กำลังจะสิ้นสุดลงท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น นอกจากนี้ผลกระทบด้านลบอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นซึ่งรวมถึงราคาพลังงานที่สูงขึ้นอาจทำให้พื้นที่ทางการคลังลดลง เว้นแต่จะมีการนำมาตรการช่วยเหลือทางสังคมที่เจาะจงเฉพาะกลุ่มเป้าหมายมาใช้มากขึ้น
.
สำหรับในรายงานครั้งนี้ พบว่า นโยบายการคลังเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ขณะเดียวกันการออกแบบนโยบายที่ทั้งสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เร่งบรรเทาปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ และป้องกันครัวเรือนจากผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายมากภายใต้พื้นที่ทางการคลังที่จำกัด
.
ด้านข้อเสนอแนะในการเพิ่มประสิทธิภาพนโยบายการคลัง ประกอบด้วย
1.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายด้านสังคม โดยการปรับปรุงกลุ่มเป้าหมายของการให้ความช่วยเหลือทางสังคมในรูปแบบของเงินช่วยเหลือ
.
2.ให้ความสำคัญกับการเพิ่มการใช้จ่ายด้านการให้บริการสาธารณะสำหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
.
3.เพิ่มรายได้เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในรูปแบบก้าวหน้า ทั้งนี้การปฏิรูปเพื่อเพิ่มรายได้ภาษี ควรคำนึงถึงการลดผลกระทบทางลบที่มีต่อครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง และควรมาพร้อมกับมาตรการเฉพาะที่ช่วยปกป้องรายได้ของครัวเรือนกลุ่มดังกล่าวด้วย
.
“ความท้าทายที่ไทยเผชิญ คือ ความไม่มั่นคงทางการเมือง ราคาพลังงานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศ ขณะที่นโยบายการเงินมีพื้นที่ครอบคลุมน้อยลง โดยยาว ไทยควรเน้นการเติบโตเศรษฐกิจมากขึ้น รับมือการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น กระตุ้นให้ภาครัฐลงทุน นวัตกรรม ทักษะ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมถึงปรับให้ภาคบริการเป็นเสรี และเร่งการปรับโครงสร้างหนี้ในครัวเรือน และการให้มีพื้นที่ทางการเงินจะต้องตอบสนองความต้องการการจับจ่ายที่เกี่ยวกับคนสูงวัย และจะต้องเน้นการช่วยเหลือทางสังคมเฉพาะกลุ่มมากขึ้น จะได้ลดความเสี่ยงลง”นายฟาบริซิโอ กล่าว
.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในปีนี้คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยจะอยู่ที่ 3.4% และเพิ่มเป็น 3.8% ในปี 66
.
“เศรษฐกิจไทยสามารถรองรับผลกระทบจากภายนอกได้ดี เห็นได้จาก ไตรมาส 3 ปีนี้ เศรษฐกิจไทยเติบโตเร็วมากถึง 4.5% และหวังว่าปีนี้ได้อย่างน้อย 3% ถือเป็นที่น่าพอใจ”นายอาคม กล่าว
.
นายอาคม กล่าวว่า ในปี 66 เศรษฐกิจไทยและทั่วโลกจะเผชิญความท้าทาย เช่น ความผันผวนตลาดการเงินทั่วโลก สถานการณ์เงินเฟ้อ และการใช้นโยบายการเงินที่เข้มข้น การช้าลงของการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนที่คลุมเครือ แต่ยังมีโอกาสอีกมากสำหรับไทย
.
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 65-66 คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของท่องเที่ยวที่เข้ามาไทยประมาณ 10 ล้านคนปีนี้ และหวังว่า จะสามารถเพิ่มเป็น 2 เท่าของนักท่องเที่ยวหรือ 21.5 ล้านคนในปีหน้า ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้อย่างไรบ้าง
.
สำหรับนโยบายอนาคต โดยจะเน้นนโยบายที่มุ่งให้เศรษฐกิจฟื้นตัว นโยบายการคลังจะช่วยสนับสนุนการเติบโต และการทำนโยบายจะมุ่งสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้น รวมถึงการทำนโยบายเพื่อเพิ่มรายได้ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อนำมาซึ่งเสถียรภาพและความยั่งยืน รวมถึงการเพิ่มความสามารถในการจัดเก็บภาษี เพื่อใช้ในกิจการต่างๆ ทั้งการศึกษา โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
***********************************