ห้องเม่าปีกเหล็ก

จัดพอร์ตรับ SET ฟื้นตัว

โดย dave
เผยแพร่ :
62 views

จัดพอร์ตรับ SET ฟื้นตัว

คอลัมน์เติมความคิดพิชิตการลงทุน
เอกภาวิน สุนทราภิชาติ
บล.ไทยพาณิชย์

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ตลาดหุ้นเริ่มฟื้นตัวด้วยมองว่าหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ รวมถึงการแพร่ระบาดอย่างหนักในระลอก 2 ของโควิด-19 ในพื้นที่ยุโรปและสหรัฐ จนทำให้มีการ lockdown ในบางพื้นที่สร้างความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยตลาดหุ้นปรับตัวลงมารับรู้ประเด็นลบดังกล่าวแล้วในช่วงปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ด้าน SET กลับมาฟื้นตัวหลังหลุดต่ำกว่า 1,200 จุด ซึ่งเป็นการทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือน นับตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นมา

โดยภาพรวมในเดือน ต.ค.ต่างชาติขายสุทธิต่อเป็นเดือนที่ 15 ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 2.3 หมื่นล้านบาท โดยมีการเพิ่มสัดส่วนการถือครองในหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ICT และปิโตรเคมี แต่ลดการถือครองในกลุ่มธนาคาร พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก และขนส่ง

ขณะที่ performance ของดัชนี MSCI Thailand ยังคงแย่กว่า MSCI APAC ex. Japan ทั้งในช่วง 1, 3, 6 และ 12 เดือนหลังสุด

นอกจากนี้ ในเดือน ต.ค. consensus ปรับประมาณการกำไรปี’63 ของ SET ลงอีก 1.8% รองจากอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ที่ปรับประมาณการกำไรปีนี้ลง 8.1%, 2.6% และ 2.4% ตามลำดับ ตรงข้ามกับไต้หวัน อินเดีย และเกาหลีใต้ ที่ปรับประมาณการกำไรขึ้น 1.9%, 1.9% และ 1.2% ตามลำดับ

มาถึงแนวโน้ม SET ในเดือน พ.ย. ผมมอง downside เริ่มจำกัด และบริเวณ 1,200-1,210 จุด จะเป็นจุดรองรับได้ และคาดว่า SET จะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านที่เป็นกรอบบนอยู่ที่บริเวณ 1,240-1,250 จุด โดยมีปัจจัยหนุน ได้แก่

1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้น จะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่

2) ความคืบหน้าเรื่องวัคซีน โดยคาดว่า Moderna จะประกาศผลของวัคซีนในเดือน พ.ย.นี้

และ 3) มูลค่าพื้นฐานของ SET เริ่มกลับมาน่าสนใจ โดยหากเทียบกำไรตลาดปีหน้าระดับ 1,200 จุด จะกลับมาเทรด P/E เท่ากับค่าเฉลี่ยที่ 15-16 เท่าแล้ว

ด้านกลยุทธ์การลงทุน การอ่อนตัวโดยเฉพาะบริเวณใกล้ 1,200 จุด เป็นจุดในการเข้าซื้อสะสม โดยมีหุ้นน่าสนใจต่าง ๆ มาแนะนำ ได้แก่

1) AP ยอดขายบ้านแนวราบโดดเด่น, backlog จำนวนมากช่วยหนุนการเติบใน 2H63, สภาพคล่องแข็งแกร่ง, valuation น่าสนใจ Div. Yield 8%, มี upside ระยะสั้นหากภาครัฐออกมาตรการกระตุ้น

2) BAM คาดกำไรฟื้นตัวอย่างรวดเร็วใน 2H63 และปี 2564 หนุนจากการขาย NPA และการแก้ปัญหา NPL ได้มากขึ้น มีโอกาสซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพได้ในราคาที่ถูกลง ผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.3%

3) COM7 คาดกำไร 3Q63 โตทั้ง YOY และ QOQ หนุนจากรายได้โตตามความต้องการสินค้า IT ต่อเนื่อง ส่วน 4Q63 คาดผลการดำเนินงานจะขึ้นทำ new high หนุนจากสินค้าใหม่ของ Apple และมาตรการรัฐ

และ 4) TU คาดกำไรปกติ 3Q63 +29% YOY และ 16% QOQ ดีที่สุดในปีนี้ หนุนจากยอดขายและอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป และผลการดำเนินงานของ Red Lobster ที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ แนะนำเก็งกำไรหุ้นน้ำมันตามราคาน้ำมันที่ได้ปัจจัยหนุนช่วงสั้น PTT, PTTEP, TOP และเก็งกำไรหุ้นปิโตรเคมี IVL หลังจาก PTA และ PET spread เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวและดีต่อเนื่อง รวมถึงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำตาลจากราคาน้ำตาลโลกเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี โดย KBS มีความสัมพันธ์กับราคาน้ำตาลมากกว่า KSL

ส่วนกลุ่มธนาคารมุมมองของผมยังให้ชะลอการลงทุน เนื่องจากในภาพรวมมองว่าธนาคารยังคงตั้งสํารองในระดับสูงเพื่อเพิ่ม LLR coveage ขณะที่กําไรก่อนตั้งสํารองลดลง เพราะสินเชื่อขยายตัวตํ่า NIM ลดลง และค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานลดลงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ยังคงคาดว่ากําไรจะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ และคาดว่า NPL จะเพิ่มขึ้นในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งทำให้การลงทุนในกลุ่มนี้ยังคงต้องรอจนกว่าจะเห็นภาพความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ชัดขึ้นใน 1Q64

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก

 

 

dave