AWC วิกฤติอาจเป็นโอกาส กับเงินลงทุน 1 แสนล้าน
ในช่วงปี 63 มีความท้าทายอย่างมากที่กดดันต่อภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยเฉพาะการระบาดของ COVID-19 ที่กดดันภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งการประกาศพรก.ฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม และยังห้ามสายการบินบินเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ จึงส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร และธุรกิจขนส่งผู้โดยสาร โดยหนึ่งในหุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ AWC หรือบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)
จากประเด็นดังกล่าวเป็นเหตุทำให้ AWC รายงานผลขาดทุนสุทธิในปี 63 ที่ระดับ 1.88 พันล้านบาท จากงวดปี 62 ที่มีกำไรสุทธิระดับ 932 ล้านบาท โดยในปี 63 มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมที่ระดับ 46% ธุรกิจสำนักงานที่ระดับ 37% และธุรกิจศูนย์การค้าที่ระดับ 17%
แต่ที่น่าสนใจอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ณ สิ้นปี 63 เท่ากับ 0.7 เท่า โดยบริษัทยังมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถในการกู้ยืมเพื่อใช้ขยายการลงทุนเมื่อมีโอกาสที่เหมาะสมเพื่อให้บริษัทสามารถ เติบโตไปตามแผนธุรกิจที่วางไว้ โดยมีกระแสเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมจัดหาเงินสิ้นปี 63 อยู่ที่ 13,539 ล้านบาท และ เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันที่ 31 ธันวาคม เท่ากับ 229.71 ล้านบาท (ที่มา ตลาดหลักทรัพย์ฯ)
ล่าสุดแม้งบการเงินของ AWC ยังขาดทุน ท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวน แต่ก็ยังสามารถใช้เงินมากมายในการเข้าซื้อกิจการด้วยเงินเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น เข้าลงทุนในบริษัท ทีซีซี เวิ้งนาครเขษม จำกัด และบริษัท วรรณทรัพย์พัฒนา จำกัด โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญในทีซีซี เวิ้งนาครเขษม คิดเป็น 100% ของหุ้นทั้งหมด รวมมูลค่าประมาณ 8,265 ล้านบาท และต้องใช้เงินเพื่อลงทุนสำหรับการพัฒนาโครงการจำนวนประมาณ 8,247.8 ล้านบาท รวมเป็นเงินที่ต้องชำระทั้งสิ้นประมาณ 16,595.5 ล้านบาท ส่วนการเข้าซื้อหุ้นสามัญในวรรณทรัพย์พัฒนาจากผู้ถือหุ้นเดิม รวมเป็นเงินที่ต้องชำระทั้งสิ้นประมาณ 712.3 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีแผนจะเปิดดำเนินการโครงการลาซาล 8 ไร่ ประมาณไตรมาสที่ 1/66
นอกจากนี้บริษัทยังได้ทำลงนามซื้อโครงการโรงแรมซิกมา รีสอร์ท จอมเทียน พัทยา กับบริษัท เอเพ็กซ์ ดีลเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ APEX แล้วในวงเงินทั้งสิ้นประมาณ 550 ล้านบาท และจะดำเนินการปรับปรุงสินทรัพย์หลังการเข้าซื้อตามแผนการสร้างโครงการคุณภาพเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยใช้งบประมาณเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงโครงการ จำนวน 1,288 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 1,838 ล้านบาท โดยโรงแรมดังกล่าวมีอาคารสูง 14 ชั้น อยู่ติดถนนเลียบหาดจอมเทียน ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 287 ห้อง
“งบดุลแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม มาพร้อมกับวงเงินกู้ถึงสองเท่า โดย AWC มีวงเงินกู้ยืมมากกว่า 5 หมื่นล้านบาทที่ได้รับอนุมัติแล้ว โดยวงเงินสินเชื่อได้รับการสนับสนุนจากเงินกู้ระยะยาว 3 หมื่นล้านบาทจาก SCB, วงเงินสินเชื่อ (Green Loan) 4.5 พันล้านบาทจาก International Finance Corporation (IFC ) ซึ่งเป็นสมาชิกหนึ่งในหน่วยงานภายใต้กลุ่มธนาคารโลก และวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมจากธนาคารในประเทศอีกหลายแห่ง” อ้างอิงจากนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)
AWC วางแผนที่จะลงทุน 1 แสนล้านบาท
ขณะที่นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า AWC วางแผนที่จะลงทุน 1 แสนล้านบาทในปี 63-67 โดยที่ AWC จะมีแผนในการเข้าซื้อสินทรัพย์ของ Group 3 และมีงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาทในโครงการที่อนุมัติในปี 63 เช่น Gateway เอกมัย, Asiatiqiue 2.2 และ Aquatique by The Beach และ The Sigma Resort
ส่วนงบอีก 4.7 หมื่นล้านบาท จะไว้ใช้สำหรับ M&A ในปี 64-67 จากทั้งโครงการในตลาด และของ TCC ซึ่งบอร์ดได้ให้การอนุมัติแล้ว โดยที่การลงทุนจะทำให้ D/E ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 0.7 เท่า เป็น 1.2 เท่า แต่การลงทุนจะต้องได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุมวันที่ 23 เม.ย. ก่อนที่เริ่มเสร็จสิ้นการทำรายการในปี 64-65
ขณะที่ในแง่ของผลการดำเนินงานคาดว่าจะแย่ลงในช่วงไตรมาส 1/64 เนื่องจากนักท่องเที่ยวภายในประเทศลดลงจากการระบาดของโควิดระลอกสอง และผลจากฤดูท่องเที่ยวที่จบลง (high season ในช่วงไตรมาส 4) แม้อัตราการเข้าพักจะยังไม่เท่ากับในช่วงต่ำสุด ในไตรมาส 2/63 โดยคาดไตรมาส 1/64 จะต่ำกว่าระดับปกติค่อนข้างมาก เนื่องจากการขาดนักท่องเที่ยว รายได้จากพื้นที่ออฟฟิศคาดจะทรงตัวจากไตรมาสก่อน แต่ค้าปลีกคาดจะสะดุด เนื่องจากการเพิ่มการแจ้งเตือนข้อควรปฏิบัติในภาวะโควิดที่เพิ่มมากขึ้น และการล็อคดาวน์รอบสอง จึงแนะนำให้ ขาย ด้วยมูลค่าเหมาะสมที่ 3.60 บาท
ยูโอบี แทงสวนให้ซื้อ เป้าสูง 6 บาท
ส่วนทางด้านนักวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บอกว่า เรามองถึงศักยภาพในการเติบโตที่แข็งแกร่ง จากการเข้าซื้อกิจการในระยะยาว ดังนั้นจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ระดับ 6.00 บาท แม้จะมีแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอในระยะสั้น แต่เรายังคงย้ำมุมมองของเราว่า AWC มีมูลค่าต่ำกว่าปกติเนื่องจากเราคาดว่ามูลค่าสินทรัพย์รวมในอนาคตจะสูงกว่ามูลค่าหลักทรัพย์ของราคาตลาด
สินทรัพย์พุ่งแสนล้านบาท
ฟากนางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC กล่าวว่า เราเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในระยะยาว AWC จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างปรากฏการณ์โดยการเปิดโครงการใหม่ระดับแลนด์มาร์ค เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย โดยได้ดำเนินการตามแผนงานให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ที่ผ่านมาเราดำเนินการได้บรรลุตามเป้าหมายของแผนธุรกิจที่วางไว้ ด้วยการเข้าซื้อทรัพย์สินกลุ่ม 3 และการเปิดโครงการ โรงแรมมีเลีย เกาะสมุย โรงแรมบันยันทรีกระบี่ เรือสิริมหรรณพ และลาซาล อเวนิว เฟส2 เป็นต้น การดำเนินการดังกล่าวได้สร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตทรัพย์สินของ AWC ทำให้ ณ สิ้นปี 2563 AWC มีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเป็น 125,696 ล้านบาท โดยเติบโตจาก 99,549 ล้านบาท ในปี 2562 อยู่ที่ 26%
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก