เปิดโผ “หุ้นเด็ด” จาก 5 กลุ่มอุตสาหกรรมใน “ตลาดหุ้นไทย” !!!
Fun of Funds: “ตลาดหุ้นไทย” นับตั้งแต่ช่วงต้นปีถึงปัจจุบันก็ได้มีความเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างผันผวนเป็นอย่างมาก ด้วยสถานการณ์ของตัวเลขเงินเฟ้อในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่
ซ้ำยังมีประเด็นอย่าง “สงครามรัสเซียและยูเครน” ที่สร้างผลกระทบแก่ซัพพลายน้ำมันดิบจนทำให้ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น
ทำให้นักลงทุนหลายคนเกิดความสงสัยขึ้นว่า “ภายใต้ความผันผวนของตลาดหุ้น” จะยังสามารถแสวงหาโอกาสในการลงทุนได้หรือไม่
ในวันนี้ทาง ‘Wealthy Thai’ จึงได้มีมุมมองการลงทุนที่น่าสนใจในตลาดหุ้นไทยสำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้มาฝากให้แก่ผู้อ่านและผู้ที่สนใจกันในครั้งนี้
ชี้ 2 ตลาดหุ้น “อาเซียน & ไทย” น่าสนใจ...หลุมหลบภัยช่วงรอตลาดฟื้นตัว
โดย “ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ” กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ได้ให้มุมมองว่า “หุ้นไทย” และ “หุ้นอาเซียน” ยังอยู่ในวัฏจักรเศรษฐกิจคนละขั้วกับฝั่งตลาดหุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ และยุโรป หรือภาพรวมของเศรษฐกิจยังคงตามหลังกลุ่มประเทศดังกล่าว
ทำให้นโยบายการเงินยังคงจะสนับสนุนภาพของเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ซึ่งประเมินว่าจะยังคงไม่เห็นธนาคารแห่งชาติรีบร้อนที่จะปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยและยืดเวลาออกไปให้นานที่สุด เพื่อที่จะสนับสนุนการขยายของเศรษฐกิจให้เกิดศักยภาพมากที่สุด
ซึ่งสิ่งที่เริ่มสะท้อนออกมาเห็นก็คือ “ค่าเงินบาท” ที่อ่อนตัวอย่างต่อเนื่องจึงคาดว่าจะให้อยู่ที่ระดับ 34 – 35 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นผลดีและผลเสียให้แก่บางธุรกิจ โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่าง “ธุรกิจนำเข้าน้ำมันและเครื่องจักร” แต่ในทางกลับกัน “ภาคการท่องเที่ยว” และ “ภาคการส่งออก” เกี่ยวกับสินค้าการเกษตรก็จะได้รับประโยชน์ตามไปด้วย
“ตลาดหุ้นอาเซียนรวมถึงไทย เป็นตลาดที่น่าสนใจและเป็นเหมือนหลุมหลบภัยด้วยภาพของตลาดที่กำลังรอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งหากเมื่อใดก็ตามที่ COVID-19 มีการคลี่คลาย ภาคการผลิตและการส่งออกดีขึ้น รวมการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ก็จะทำให้ตลาดหุ้นไทยดูน่าสนใจมากขึ้น” นายชัยพร กล่าวเพิ่มเติม
เปิดโผ “หุ้นเด็ด” จาก 5 กลุ่มอุตสาหกรรมใน “ตลาดหุ้นไทย”
แต่ปัจจัยที่อยากให้นักลงทุนความสำคัญเกี่ยวกับภาพการลงทุนในระยะถัดไปโดยมองข้ามเรื่องการเปิดเมือง ถึงปัจจัยที่จะมาสนับสนุนให้เติบโตได้ต่อ ซึ่งจะเริ่มสัญญาณ S-Curve ใหม่อย่าง รถยนต์ไฟฟ้า ที่รัฐบาลได้มีนโยบายสนับสนุนให้แก่ผู้บริโภคที่มีความต้องการใช้
“สำหรับกลุ่มหุ้นที่แนะนำหรือน่าสนใจในตลาดหุ้นไทย ประกอบไปด้วยกลุ่มหุ้นที่เชื่อมโยงหรือจะได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้ออย่าง กลุ่มน้ำมัน, กลุ่มถ่านหิน BANPU, กลุ่มปิโตรเคมี อัพสตรีมที่ปรับเพิ่มราคาผลิตภัณฑ์ได้ตามต้นทุนที่สูงขึ้นอย่าง PTTGC TOP, กลุ่มการเกษตรหรือกลุ่มผลิตเนื้อหมูและเนื้อหมูหรือ GFPT”
ขณะเดียวกันกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่หรือกลุ่มให้บริการ Medical Tourism อย่าง BH จะได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลที่ได้ผลักดันและสนับสนุนการเปิดเมืองเปิดประเทศด้วยการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ อีกทั้งยังทำให้ธุรกิจดังกล่าวปรับตัวไปกับสถานการณ์เงินเฟ้อได้ดี
สุดท้ายนักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดในระหว่างการลงทุนหรือจับจังหวะลงทุนในตลาดหุ้นได้ไม่แม่นยำนัก ก็สามารถลงทุนใน “กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน” ได้อย่าง JASIF และ DIF หรือก็ว่าใครที่อยากลงทุนล้อไปกับธีมเปิดเมืองเปิดประเทศ TFFIF ก็เป็นกองที่น่าสนใจ
“ภายใต้สถานการณ์ที่เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ‘หมัดเด็ด’ ที่ธนาคารแห่งชาติในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่งัดมาใช้จึงเป็นนโยบายการเงินที่เข้มงวดอย่างอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้นักลงทุนจะต้องหาหลุมหลบภัยซึ่งตลาดหุ้นไทยก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน”