สำหรับนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย คุณเศรษฐา ทวีสิน
เชื่อว่านักลงทุนกว่า 90% คงรู้จักเป็นอย่างดีอยู่แล้วกับการเป็นผู้บริหาร SIRI หรือบริษัท #แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นำพาบริษัทผ่านวิกฤติมาแล้วหลายครั้ง จนปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกว่า 1.39 แสนล้านบาท สร้างรายได้รวมปีละ 3.5 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิเกือบ 5 พันล้านบาท
.
ทว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ของ #พรรคเพื่อไทย นำไปสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์หลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งรวมถึงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ เรื่องของการแจก #เงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน #ดิจิทัลวอลเล็ต ที่กำลังเป็นกระแสร้อนแรงอยู่ตอนนี้
.
ต้องยอมรับว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ได้มีข้อมูลในเชิงเทคนิคอะไรมากนัก สิ่งที่พอจะรู้อยู่ตอนนี้ คือ
1. คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป
ที่มีหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก จำนวนคนที่จะได้รับสิทธิ ขั้นต่ำประมาณ 50 ล้านคน รวมถึง ผู้พิการ คนชรา ได้รับเต็มจำนวน
.
2. ใช้บัตรประชาชน ไม่ต้องมีอินเทอร์เน็ต หรือสมาร์ทโฟนก็สามารถใช้ได้
ไม่ต้องลงทะเบียน เนื่องจากระบบผูกกับบัตรประชาชนเรียบร้อยแล้ว
.
3. ใช้ซื้อสินค้าในรัศมี 4 กิโลเมตร จากที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
ปรับเปลี่ยนได้ตามลักษณะภูมิประเทศ สามารถใช้ซื้อ อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค เครื่องมือทำกินใดก็ได้ทั้งสิ้น
และไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าที่เเกี่ยวกับอบายมุข ใช้หนี้ สินค้าออนไลน์ ยาเสพติดและการพนัน
.
4. จำกัดเวลาใช้ 6 เดือน เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ใช้จ่ายรวดเดียวทั้งหมด หรือทยอยใช้ก็ได้ และไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้
.
คุณเศรษฐา ทวีสิน เคยให้สัมภาษณ์ว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจในเวลานี้จำเป็นต้องทำให้หนักเพียงครั้งเดียว
ไม่ใช่การแจกทีละนิดไปเรื่อยๆ คล้ายกับการหยอดน้ำข้าวต้ม
ปัจจุบันคนไทยที่มีอายุเกิน 16 ปี ราวๆ 50 ล้านคน ถ้าแจกคนละหมื่นจะใช้งบประมาณราวๆ 5 แสนล้านบาท
.
สิ่งที่ภาครัฐจะได้ คือการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ การได้ภาษีที่มากขึ้น จัดเก็บได้มากขึ้น การผลิตสินค้ามากขึ้น การจ้างงานมากขึ้น รายได้มากขึ้น และคนบางกลุ่มก็จะมีรายได้ที่สูงขึ้น
.
คำถามคือ เอาเงินมาจากไหน ?
อ่านต่อ : https://bit.ly/3YPyubD
