ห้องเม่าปีกเหล็ก

คัดหุ้นสุดเด่น ประจำเดือนแห่งความรัก

โดย eighteen nineteen
เผยแพร่ :
195 views

คัดหุ้นสุดเด่น

ประจำเดือนแห่งความรัก

 

 

.

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือนม.ค.67 ที่ผ่านมา พูดกันตรงๆ เลยว่า อาการหนักพอสมควร เพราะดีดแรงเพียงแค่วันแรกของปีเท่านั้น ก่อนที่จะทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,352.48 จุด และรีบาวด์ในช่วงที่เหลือของเดือน

.

โดยในฝั่งของนักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นขายสุทธิที่ระดับ 30,874.11 ล้านบาท ดังนั้นในเดือน ก.พ.67 ภาพรวมตลาดหุ้นไทยจะเป็นอย่างไร Wealthy Thai จะพาไปหาคำตอบ

.

ในมุมมองของนักวิเคราะห์มีความเห็นไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งบอกว่าเดือนนี้ มีโอกาสปรับตัวลงมาที่บริเวณ 1,354 จุดอีกครั้ง โดยปัจจัยที่ยังขาดอยู่สำหรับหุ้นไทย ก็คือสภาพคล่องที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ

.

หากเลือกทางลง แนวรับถัดไปจะอยู่บริเวณ 1,320- 1,330 จุด สะท้อนจากมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า SET Index เดือนที่ผ่านมาดีดแรงวันแรก แต่ที่เหลือลงหนักมากถึงระดับทำ New Low หลุดแนวรับเดิมบริเวณ 1,354 จุด ลงมาก่อนรีบาวด์กลับแต่อ่อนแรงกว่ารอบก่อนมาก

.

โดยภาพรวม SET ในระยะกลางนั้นเป็น Sideway ขนาดใหญ่ โดยมีกรอบประมาณ 1,350-1,440 จุด และในเดือนนี้ คาดว่า SET อาจมีโอกาสปรับตัวลงมาที่บริเวณ 1,354 จุดอีกครั้ง แล้วค่อยเลือกทิศทางระหว่างการแกว่งขึ้นไปหาแนวต้านกรอบบน หรือร่วงแรงหลุด แนวรับกลายเป็นขาลง ซึ่งหากเลือกทางลงแนวรับถัดไปจะอยู่บริเวณ 1,320- 1,330 จุด

.

อีกทั้งตลาดลดความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย FED หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี ในขณะที่ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ

.

ส่วน กนง. อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วขึ้น หากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4/66-1/67 ยังต่ำกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง และไม่มีมาตรการเงินดิจิตอล การปรับประมาณการกำไรปี 67 เป็นปัจจัยสำคัญ คงเป้า SET ไว้ที่ 1,520 จุดเลือก Top Pick เดือน ก.พ.67 ได้แก่ CPALL, ITEL, MINT, PR9 และ TU

.

ขณะที่นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาดว่าจะแกว่ง Sideways โดยปัจจัยที่ยังขาดอยู่สำหรับหุ้นไทยก็คือสภาพคล่องที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนผ่านการเติบโตของ M2 ที่อยู่เพียงระดับ 2%

.

โดยเงินส่วนใหญ่ยังคงกองอยู่ในบัญชีเงินรับฝากสกุลเงินตราต่างประเทศ ซึ่งตราบใดที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง เงินก้อนใหญ่จะยังคงอยู่ในบัญชีนี้ต่อไป จนทำให้ตลาดหุ้นยังคงขาดแคลนสภาพคล่องส่วนเกินดังกล่าว

.

นอกจากนั้น อาจต้องติดตามปัจจัยการเมืองที่อาจเป็น Noise ระหว่างทาง อาทิเช่น การมีผู้นำผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาไปยื่นต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อเอาผิดพรรคก้าวไกล และนำไปสู่กระบวนการตัดสินยุบพรรค หรือรวมถึงความเป็นไปได้ในการยื่นฟ้องป.ป.ช. เพื่อเอาผิดด้านจริยธรรมของนายพิธาและส.ส.ท่านอื่น เป็นต้น

.

ขณะที่ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET ในเดือนนี้ จะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 1,340 จุด และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,410 จุด มองปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของดัชนีในเดือนนี้ ได้แก่ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนประจำไตรมาส 4/66 ที่จะประกาศออกมา ซึ่งจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนประมาณการกำไรในตลาดได้

.

ดังนั้นประเมินกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ 1.หุ้นปันผลสูงที่อยู่ในช่วง High season ได้แก่ ADVANC, AP, BCH, INTUCH, PTT, SIRI, TISCO 2.หุ้นที่อิงกับการบริโภคภายในประเทศ ได้แก่ CPALL, CPAXT, BJC, MASTER และ 3.หุ้นปลอดภัยที่มีคุณลักษณะคล้ายพันธบัตร เช่น กลุ่ม REIT, IFF และกลุ่มสาธารณูปโภค

.

ปิดท้ายกันที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มีความเห็นว่า กลยุทธ์การลงทุนคงน้ำหนักพอร์ตหุ้นไทย 30% ของพอร์ต (Neutral)

.

โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index เดือน ก.พ.67 ไว้ที่ 1,320 – 1,420 จุด ซึ่ง SET INDEX ที่ย่อตัวลงมาอยู่ในโซนน่าสะสม และยังมี UPSIDE เหลือพอสมควรปี 2567 น่าจะเป็นจุดหาหุ้นเพิ่มน้ำหนักในพอร์ต

.

ดังนั้นกลยุทธ์ยังคงเน้นทยอยสะสมหุ้นกำไรฟื้นตัวเด่นในปี 2567 หรือ เป็นเป้าหมายของ Fund flow ในระยะถัดไป คือ ADVANC, AOT, AP, BDMS, PTTEP, SPALI, TTB

 

 

 


eighteen nineteen