เปิดรายชื่อ 10 หุ้นไทย!
โดน “ขายชอร์ต” มากสุดประจำเดือน พ.ค.
.
ธุรกรรมขายชอร์ต หรือ Short Sell คือ การขายเพื่อเก็งกำไรในกรณีที่คาดหุ้นว่าจะลง โดยไม่จำเป็นต้องมีหุ้นตัวนั้นอยู่ในมือ เพราะสามารถยืมหุ้นจากโบรกเกอร์มาขายออกไปก่อนได้ และหากราคาหุ้นลงตามที่คาด ก็จะมาซื้อหุ้นตัวนั้นกลับภายหลังในราคาที่ต่ำกว่า และคืนหุ้นที่ยืมมาให้กับโบรกเกอร์ ส่วนกำไรที่จะได้ก็คือส่วนต่างระหว่างราคาที่ขายกับราคาที่ซื้อกลับหลังหักต้นทุนต่างๆที่เกิดขึ้น
.
ดังนั้น Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาสำรวจธุรกรรมขายชอร์ต ในช่วงเดือนพ.ค.66 ที่ผ่านมาว่า ใน 10 อันดับแรก จะมีหุ้นอะไรบ้างที่ถูกธุรกรรมขายชอร์ตมากสุด และในเชิงข้อมูลพื้นฐานของหุ้นจะยังน่าสนใจหรือไม่ มีทิศทางเป็นอย่างไร บทความนี้มีคำตอบให้แล้ว
.
สำหรับ PTT ถือเป็นหุ้นที่ถูกธุรกรรมขายชอร์ตมากสุดในเดือน พ.ค.66 มูลค่าประมาณ 4,438 ล้านบาท โดยในเชิงปัจจัยพื้นฐานนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินผลประกอบการธุรกิจก๊าซของ PTT ไตรมาส 2/66 จะมีทิศทางดีขึ้นจากไตรมาสแรก เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวลงของต้นทุนก๊าซ, อัตราผลิตโรงแยกก๊าซสูงขึ้น, อุปสงค์เพิ่มขึ้นจากภาคการใช้ไฟฟ้า
.
อย่างไรก็ตาม กำไรธุรกิจโรงกลั่น และพลังงานต้นน้ำของบริษัทลูกที่อ่อนแอ จะทำให้ภาพรวมกำไรไตรมาส 2/66 อาจทำได้เพียงประคองตัวจากไตรมาสแรก และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากฐานสูง
.
รวมทั้งยังมองว่านโยบายแทรกแซงพลังงานจะกระทบ PTT มากกว่าคู่แข่ง เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อมจากบริษัทลูก ประเด็นดังกล่าวอาจทำให้ประมาณการของฝ่ายวิจัย และตลาดมี Downside โดยเฉพาะสมมติฐานความสามารถการทำกำไรของธุรกิจโรงแยกก๊าซ และธุรกิจปิโตรเคมี Gas-Based ทางพื้นฐานคงคำแนะนำเพียง TRADING ราคาเหมาะสม 34.50 บาท
.
เปิด 4 เหตุผลที่ PTT เหมาะลงทุนระยะยาว
ส่วนมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คาดกำไรปกติไตรมาส 2/66 ราว 22,568 ล้านบาท ลดลง 60%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 7%จากไตรมาสแรก โดยการลดลงมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากธุรกิจก๊าซฯลดลงตามส่วนของ TM ที่ค่าท่อฯลดลง และ GSP อัตรากำไรลดลงตามราคาอ้างอิงฯ, ธุรกิจ E&P อัตรากำไรลดลงตามราคาน้ำมันดิบ, ธุรกิจ P&R ค่าการกลั่นลดลง (ไม่มีsupply ตึงตัวจากสงครามฯ เหมือนไตรมาส 2/65) ปิโตรเคมี spread ลดลงจากกำลังการผลิตใหม่ส่งให้เกิด oversupply, ธุรกิจ oil ไม่มี stock gain ก้อนใหญ่
.
ส่วนการฟื้นตัวจากไตรมาสแรก เพราะ ธุรกิจก๊าซฯ ที่กำไรเพิ่มจากต้นทุนที่ลดลง และค่าใช้จ่ายภาษีรวมถึง minority interest ที่ลดลง จากไม่มีผลกระทบขายธุรกิจถ่านหินเหมือนไตรมาสแรก โดยสามารถชดเชย ธุรกิจ P&R ที่ค่าการกลั่นลดลงจาก supply ที่เข้ามามากขึ้น และธุรกิจ E&P ที่ปริมาณขายลดลง
.
ดังนั้นคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 46 บาท มองว่า PTT สามารถซื้อลงทุนระยะยาวได้เพราะ 1.ธุรกิจก๊าซฯ ฟื้นตัว จากต้นทุนก๊าซฯลดลงตามราคา spot LNG (ไม่มีการเร่ง stock ก๊าซฯของ EU และ เอเชียเหมือนไตรมาส 2-3/65 และ Freeport LNG ของ U.S. กลับมาผลิตหลังหยุดไปตั้งแต่ มิ.ย.65)
.
2.ระดับกำไรปี 66 อยู่ในระดับสูงใกล้เคียง pre-COVID ซึ่งเป็นระดับที่จ่ายปันผลได้ราว 2 บาท/หุ้น คิดเป็น dividend yield ราว 6.4%
.
3.P/BV ปัจจุบันราว 0.8 เท่า สะท้อนแรงกดดันของธุรกิจก๊าซฯที่ถูกกดดันจากการแทรกแซงของรัฐไปมากแล้ว
.
4.คาดกำไรปกติฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 66 ทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากครึ่งปีแรก ตามอัตรากำไรที่ฟื้นของธุรกิจก๊าซฯ ที่คาดต้นทุนก๊าซฯลดลง, ธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีฟื้นตัวจาก stock loss ที่ลดลง และ oversupply ที่ลดลงตามลำดับ
