สรุป ธุรกิจต้องรอดด้วย Personal Branding และ ธรรมาภิแบรนด์
โอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ l Dentsu
ศรัณย์ แบ่งกุศลจิต l การตลาดการเตลิด
โลกมันเปลี่ยน เราก็ต้องปรับ
“ความหวือหวาในอดีต ไม่ได้การันตีความสำเร็จในวันนี้”
คุณโอลิเวอร์ เปิดหัวข้อได้อย่างเข้มข้นว่า ทุกวันนี้ "การรีเซ็ต" คือหัวใจสำคัญของการวางกลยุทธ์ เพราะลูกค้าเปลี่ยนเร็ว เห็นเร็ว ตัดสินใจเร็ว และวิพากษ์วิจารณ์เร็วมาก
คุณศรัณย์ ก็เสริมว่า “ทุกวันนี้ ลูกค้าใกล้ชิดกับแบรนด์มากขึ้น” และเขาก็ “พร้อมจะแชร์และวิจารณ์” อย่างเปิดเผยด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น แบรนด์ที่ไม่จริงใจ จะถูกมองออกอย่างรวดเร็ว

แล้วเราจะทำแบรนด์ยังไง...ในยุคที่ “เงิน” หายาก?
คุณศรัณย์ ยอมรับตรง ๆ ว่า สิ่งที่ท้าทายสุดในยุคนี้คือ “เงิน” เพราะเศรษฐกิจตอนนี้มันยากมาก ทำให้เรายิ่งคิดเรื่องการใช้เงินมากขึ้น ทุกคนเน้น “ขายก่อน” มากกว่าการทำแบรนด์
คุณโอลิเวอร์ จึงเสนอแนวทางว่า “ลองบาลานซ์ระหว่างการขายกับการสร้างแบรนด์ให้มากขึ้น” เพราะถ้าเราสร้างแบรนด์ดี ๆ มันจะต่อยอดไปสู่ยอดขายในอนาคตอย่างมั่นคงกว่า แต่อย่าทำแบรนด์แบบลอย ๆ ต้องเริ่มจาก Business Model ที่ชัด แบรนด์ที่ดี คือสะพานที่เชื่อมเป้าหมายของธุรกิจกับใจของลูกค้า ขายได้วันนี้ก็ดี แต่สร้างแบรนด์ให้ขายได้เรื่อย ๆ ยิ่งดีกว่า
คุณศรัณย์ก็เสริมว่า “การทำแบรนด์ ไม่ใช่หน้าที่ของทีมมาร์เก็ตติ้งคนเดียว” แต่ต้องเป็น พันธกิจของทั้งองค์กร ที่สื่อสารออกไปในทิศทางเดียวกัน
ทำแบรนด์ให้มีชีวิต = Living Brand
อย่าติดกับดักของ "Brand Guideline" จนลืมตัวตนจริงของแบรนด์
แบรนด์ที่ดี ควรจะเหมือน “คน” ที่มีอารมณ์ มีพลัง และสามารถรีเฟรชตัวเองได้เสมอ เพราะสิ่งที่เรากำลังสื่อสารกับลูกค้า คือ พลังงาน ความรู้สึก และความจริงใจ
ลองถามตัวเองว่า...
- ถ้าแบรนด์เป็นคน…นิสัยเขาเป็นยังไง?
- เวลาลูกค้าอยู่กับแบรนด์ รู้สึกยังไง?
- ถ้าคนเริ่มเฉย ๆ กับแบรนด์ แปลว่า...ถึงเวลา “เปลี่ยน” แล้วหรือเปล่า?
แล้ว Personal Branding สำคัญยังไง?
"เพราะเราไม่มีเงินเยอะเหมือนแบรนด์ใหญ่ เราจึงต้องใช้ ความจริงใจและความเนิร์ดของเรา เป็นพลัง"
คุณศรัณย์ ยกตัวอย่างชัดเจนมากว่า การสร้างแบรนด์ตัวตนสมัยนี้ ไม่ต้องเริ่มจากเรื่องใหญ่ ๆ แต่ให้เริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ ที่เราทำได้ และ “ทำซ้ำ” ทุกวัน
6 วิธีสำรวจตัวเอง เพื่อสร้าง Personal Brand
1. เรื่องที่เราถนัดจริง ๆ เช่น ถนัดทำชุด = ทำคอนเทนต์ชุดไปปาร์ตี้
2. เรื่องที่เราชอบ ไม่ต้องถนัดก็ได้ ขอแค่อินก็พอ
3. สิ่งที่มีแค่เราที่ทำได้ ลองถามคนรอบตัวว่าเห็นจุดเด่นอะไรในตัวเรา
4. เรื่องที่อยากทำ ไม่ต้องรอเก่ง ขอแค่อยากทำ
5. เรื่องที่เราทำได้ดี ฟัง Feedback ตรง ๆ จากคนที่กล้าแนะนำเรา เช่น เราดูเป็นคนอะไรก็ดูกินแซ่บไปหมด อาจเปิดช่องรีวิวร้านอาหารได้
6. เรื่องที่คนอื่นไม่ค่อยทำ ยิ่งเฉพาะ ยิ่งมีโอกาสเป็นที่จดจำ เช่น คนเก็บขยะ ทำคอนเทนต์พาไปดูว่าในอาบอบนวดใช้ถุงยางไซส์ไหนกันเยอะสุด
"คุณอาจจะหาเงินไม่ได้ในวันนี้ทันที แต่ให้ทำไปเรื่อย ๆ จนคนเชื่อว่าเราอินสิ่งนั้นจริง ๆ วันนึงคุณจะมีตัวตนมากขึ้น ให้ลงมือทำไปก่อน แล้วรายได้มันจะตามมาเอง"
SME ต้องเข้าใจว่า “แบรนด์ไม่ใช่จะเป็นอะไรก็ได้”
“จงเป็นบางอย่าง สำหรับใครบางคน” คือหัวใจสำคัญที่สุดของแบรนด์ อย่าเป็นทุกอย่าง เพราะสุดท้ายจะ ไม่ชัดสักอย่าง
5C ที่จะสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงในระยะยาว
- Commitment : มีปณิธานชัดเจน
- Community : สร้างสังคมของแบรนด์
- Construct : ค่อย ๆ สร้างและเสริมแบรนด์อย่างแยบยล
- Content : เล่าเรื่องให้มีพลัง
- Consistency : คงเส้นคงวากับการทำ แล้วตัวแบรนด์มันจะทำหน้าที่ของมันเอง
ธรรมาภิแบรนด์ = ต้องจริงใจกับลูกค้า
- Be Kind กับลูกค้า
- Be Focus พอคุณโฟกัสมาก ๆ มันจะเกิด Brand Immunity
- Be Real อย่าปลอม เพราะลูกค้าสัมผัสได้
เพราะคนสมัยนี้... “สัมผัสได้หมด” ว่าแบรนด์ไหนจริงใจ หรือทำแค่ให้ขายได้
ถ้าเราเป็น Introvert จะเริ่มต้นยังไงดี?
คุณศรัณย์บอกว่า “ไม่ต้องเก่ง แค่ต้องทำมากพอ” เพราะความเก่งคือผลลัพธ์ของ “การลงมือทำซ้ำ ๆ” แม้ยอดวิวจะน้อย แม้ไม่มีคนกดไลก์...แต่ถ้าคุณเชื่อในสิ่งที่ทำ และทำต่อไป วันหนึ่งจะมีคนที่เห็นคุณ “เป็นใครบางคน ที่เขาตามหา”
สุดท้าย อยากฝากถึงทุกคน…
อย่าคิดว่าตัวเองไม่เก่ง เพราะทุกแบรนด์ที่น่าจดจำ ล้วนผ่านการ "ทำซ้ำ ๆ" มาแล้วทั้งนั้น
ถ้าวันนี้คุณยังไม่เก่ง ให้คุณ "ซื่อสัตย์กับสิ่งที่อิน" ทำต่อไปอย่างสม่ำเสมอ แล้ววันหนึ่งคุณจะกลายเป็น "คนที่ใครบางคนเลือก" ด้วยความรักและศรัทธา
"คุณไม่จำเป็นต้องดังที่สุด แต่คุณต้อง “ชัด” ที่สุดสำหรับกลุ่มเป้าหมายของคุณ"
---------------------------
สรุปเนื้อหาจากงาน CREATIVE TALK CONFERENCE 2025
---------------------------
ที่มาเนื้อหาจาก. เพจ.. บันทึกการตลาด