ห้องเม่าปีกเหล็ก

วิเคราะห์สูตรสำเร็จทำไม 7-11 ไทย เจ๋งกว่า 7-11 ญี่ปุ่น

โดย Bangna
เผยแพร่ :
85 views

 

วิเคราะห์สูตรสำเร็จทำไม 7-11 ไทย เจ๋งกว่า 7-11 ญี่ปุ่น

 

      เมื่อช่วงตุลา 62 ที่ผ่านมา บลูมเบิร์ก รายงานว่า “เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้ง โค” (Seven & i Holdings Co) ประกาศว่า “เซเว่น-อีเลฟเว่น” ในญี่ปุ่น เตรียมจะปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร ประมาณ 1,000 แห่ง รวมถึงการปรับลดพนักงานทั้งหมด 3,000 คนภายใน 3 ปีข้างหน้า เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างบริษัท จากที่ก่อนหน้านี้มีนโยบายลดชั่วโมงการให้บริการจาก 24 ชั่วโมง

   สาเหตุเนื่องจากวิกฤตสังคมผู้สูงอายุในญี่ปุ่นที่รุนแรงต่อเนื่องจนทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน นอกจากนี้การแข่งขันในอุตสาหกรรมค้าปลีกในญี่ปุ่นยังสูงขึ้น เพราะธุรกิจค้าปลีกแบรนด์อื่นๆ ทั้งของญี่ปุ่นและต่างประเทศแข่งขันกันอย่างดุเดือด

   จากข้อมูล บริษัท Seven & I Holdings ซึ่งเป็นผู้ดูแลร้านสะดวกซื้อ 7-ELEVEN ในญี่ปุ่น มีการพูดถึงทิศทางในปี 2019 ว่าบริษัทจะมีการขยายสาขาเพิ่มสุทธิเพียงแค่ 150 สาขาเท่านั้น   ถ้าย้อนกลับไปดูจำนวนสาขาของ 7-ELEVEN ของญี่ปุ่น ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ปี 2015 มี 18,572 สาขา
ปี 2016 มี 19,422 สาขา เพิ่มขึ้น 850 สาขา
ปี 2017 มี 20,260 สาขา เพิ่มขึ้น 838 สาขา
ปี 2018 มี 20,876 สาขา เพิ่มขึ้น 616 สาขา

    เราจะเห็นว่าจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น มีแนวโน้มลดลง  ซึ่งสาเหตุของการลดลงครั้งนี้มาจาก ยอดขายของแต่ละสาขาที่แทบจะไม่มีการเติบโตขึ้นเลย   โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าเติบโตเพียงแค่ 0.4% ต่อปี  พอเป็นแบบนี้แล้ว แผนการขยายธุรกิจของ 7-ELEVEN ในญี่ปุ่นจึงเปลี่ยนไปเน้น การพัฒนาสาขาเดิมให้มีคุณภาพที่ดี จนไปถึงการสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นให้แต่ละสาขาแทน  เช่น การปรับปรุงร้านให้มีโซนขายอาหารที่ใหญ่ขึ้น  มีการทดลองให้ผู้ใช้บริการสามารถชำระเงินค่าสินค้าได้ด้วยตนเอง
 
    จะเห็นได้ว่า จุดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่ของ 7-11 ญี่ปุ่น นั่น  มีรูปแบบการปรับตัวให้บริการคล้ายกับ 7-11 ทางประเทศไทย (ซีพีออล์)  ในปัจจุบัน ตัวอย่าง เน้นการจำหน่ายอาหารหลากหลายขึ้น และที่นั่งสำหรับรับประทาน ร่วมถึงบริการหลากหลาย ลักษณะ One stop service เช่น ด้านธุรกรรมการเงิน ธุรกรรมทางราชการ เป็นต้น 

 
 
 
   โดยรูปแบบบริการ 7-11 ไทย ในปัจจุบันสามารถตอบโจทย์ในพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ในทุกมิติ เช่น ลดเวลาการเดินทาง ความปลอดภัย เข้าถึงได้ทุกเวลา และสะดวกสบาย   ตาม concept "หิวเมื่อไรก็แวะมา 7-11" แต่อนาคตข้างหน้านั้น อาจจะเป็น จะทำอะไรก็แวะมา 7-11 " ก็เป็นไปได้
 
   
    นอกจากนี้แล้วแม้กระแสในโซเชียลส่วนใหญ่ อาจมองว่า 7-11 ขายเกือบทุกอย่าง  แต่แท้จริงแล้ว 7-11 ไทย (ซีพีออล์) นำแต่สินค้าที่จำเป็นทางด้านอุปโภคและบริโภค  โดยยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่ยึดผู้ค้าหรือคู่แข่งเป็นศูนย์กลาง เช่น สินค้าราคาถูกที่ควบคุมในคุณภาพ พร้อมทั้งนำสินค้าจาก sme ในไทย มาจำหน่ายสร้างการกระจายสินค้าให้กับ sme ดังกล่าวได้มากขึ้น ร่วมถึงนำรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นให้กับ sme ด้วย และ ปัจจุบันจำนวนสถิติโชห่วย ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน


 
 
 
  หากพิจารณา “การกระจายตัว” โดยแบ่งตามภูมิภาคจะพบว่า “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” เป็นภาคที่มีร้านค้าโชห่วยกระจายอยู่มากที่สุดในประเทศถึง 34% ขณะที่ ภาคกลาง 22% ภาคเหนือ 16% ภาคใต้ 15% ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ 13%  เป็นต้น  พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนจาก  "พาณิชย์รุกปั้นร้านค้าปลีกสู่ Smart โชห่วย" https://www.prachachat.net/local-economy/news-418738  ตามเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีพาณิชย์ ตั้งเป้ายกระดับโชว์ห่วยเป็นสมาร์ทโชว์ห่วย ได้ 30,000 ร้านค้าในอนาคตอันใกล้นี้

 
 
 
---------------------------------------------
 
 
 
ขอบคุณข้อมูล : Ok nation
 

Bangna