ห้องเม่าปีกเหล็ก

รายใหญ่มองหุ้นไทยอย่างไร ผ่านมุมเสี่ยป๋อง ปะทะ ดร.นิเวศน์   

โดย Fin-trading
เผยแพร่ :
61 views

 

 
งานเสวนาก้าวเข้าสู่ปีที่ 13 ของ Money Channel และนิตยสาร Money&Wealth ในหัวข้อ "ทางออกนักลงทุนไทย เทรดอย่างไรหุ้นไทย 1,600 จุด?"  เปิดมุมมองเซียนหุ้น “เสี่ยป๋อง” และกูรู VI “ดร.นิเวศน์” มาแชร์อารมณ์ในยามที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะอึดอัดเช่นนี้
 
 
“เสี่ยป๋อง” หรือ คุณวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนรายใหญ่ มองทิศทางตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลังยังมีลุ้นที่จะปรับขึ้นยืนเหนือ 1,600 จุด เพราะกราฟทางเทคนิคขึ้นไปทดสอบยอดเดิมที่ 1,600 จุดเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ซึ่งเป็นจุดแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา ซึ่งตามหลักการแล้ว SET INDEX ควรต้องปรับขึ้นต่อ
 
 
เขาบอกว่าโดยส่วนตัวมองหุ้นไทยยังไม่แพง อิงจากตัวเลข EPS 101 บาท มี P/E 15-16 เท่า ดัชนีฯ ควรจะต้องอยู่แถวกว่า 1,600 จุด แต่ปัจจัยสำคัญคือฟันด์โฟลว์ยังไม่เข้ามาในหุ้นไทย แม้ว่าตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP  ตลาดหุ้นไทยถือว่าขึ้นน้อยกว่า และเทรดบน P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาค 
 
 
“P/E ของหุ้นไทยเทรดกันแถว 15-16 เท่า แต่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเทรดกันบน P/E ถึง 24 เท่าแถมยังให้น้ำหนักลงทุนเป็น "Overweight" ซึ่งในมุมมองส่วนตัวเองก็ยังแปลกใจว่าทำไมโบรกเกอร์ต่างชาติจึงยังไม่เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยเพิ่มขึ้น”
 
 
ถ้านับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันจะพบว่าเงินลงทุนต่างชาติซื้อสะสมอยู่ที่ 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(ตัวเลขในสัปดาห์ที่แล้ว) หรือราว 6-7 พันล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนที่ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ที่น่าแปลกใจคือค่าเงินบาทยังมีสัญญาณแข็งค่านับตั้งแต่ต้นปี แต่ตัวเลขเงินลงทุนต่างชาติกลับไม่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่หันไปลงทุนตราสารหนี้แทนเกือบ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงมาก ดังนั้น คงต้องมาติดตามมุมมองโบรกเกอร์ต่างชาติกันอีกทีว่าจะปรับเพิ่มน้ำหนักในหุ้นไทยหรือไม่  หลังภาครัฐยังเดินหน้ากระตุ้นเม็ดเงินลงทุนในโครงการเมะโปรเจ็กต์ ซึ่งจะส่งผลดีกับกำไรของบริษัทจดทะเบียนในอนาคต 
 
 
“เสี่ยป๋อง” บอกด้วยว่าในภาวะที่ SET index เคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์ และหุ้นสองกลุ่มใหญ่ อย่างพลังงานและธนาคารพาณิชย์ ยังถูกกดดัน ดังนั้น การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยจึงเป็นลักษณะการโยกย้ายเข้าเทรดเป็นรายตัวมากกว่า ซึ่งกลยุทธ์ส่วนตัวยังเน้นลงทุนเป็นรายตัว ที่คิดว่ามีความปลอดภัยกับพอร์ตมากที่สุด ส่วนผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาทำได้แค่เอาชนะตลาดเพียงเล็กน้อย 
 
 
ด้าน ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ต้นแบบนักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า (Value Investor) บอกว่า หากมองย้อนหลังไป 4 ปี จะพบว่า SET Index ปีนี้อยู่ในระดับเท่ากับเมื่อ 4 ปีก่อน ดังนั้น ภาพใหญ่ตลาดหุ้นไทยจึงเป็นลักษณะแกว่งตัว และเมื่อภาวะตลาดเป็นเช่นนี้หุ้นขนาดกลางและเล็ก จึงมีแรงเก็งกำไรกันสูงมากจนราคาปรับตัวขึ้นมาเทรดบน P/E แพงเกินกว่าค่าเฉลี่ยพื้นฐานที่ควรจะเป็น ซึ่งแม้จะเป็นสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่ชื่นชอบ เพราะได้ผลตอบแทนที่รวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงขาดทุนสูงเช่นกัน
 
 
“ผมมองว่าเศรษฐกิจไทยมีตัวเลขการเติบโตต่ำกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ดังนั้น โอกาสเงินไหลเข้าก็มีน้อย ซึ่งผมเองก็กระจายไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ”
 
 
ดร.นิเวศน์ บอกว่า การลงทุนหุ้นต้องเน้นปันผลเป็นสำคัญ รวมถึงเลือกหุ้นต้องมีกำไรมั่นคงระยะยาว แม้จะเติบโตไม่มาก แต่ก็ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในทุกๆ ปี พร้อมกับมีปันผล 
 
 
โดยหุ้นที่เข้าข่ายข้างต้น ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพราะมีกำไรเติบโตในทุกๆ ปี ส่งผลให้ราคาหุ้นบวก 4-5% และรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวในจังหวะที่ได้รับผลปันผล 4-5% ทำให้ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนใกล้เคียง 10% ซึ่งมองว่าเป็นอัตราที่เหมาะสมในภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังเติบโตได้ต่ำกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค
 
 
***********************************
ที่มา : Business&Finance, Money Channel

Fin-trading